แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 52
1
ข้าวผัดต้มยำไก่ เปรี้ยวแซ่บถึงเครื่อง หอมอร่อย สูตรทำขายสร้างรายได้

ข้าวผัดไก่ต้มยำเป็นอาหารจานเดียวที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารไทยแสนอร่อยที่ผสมผสานรสชาติที่เข้มข้นของต้มยำเข้ากับรสชาติที่ผ่อนคลายของข้าวผัด อาหารจานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสมดุลของรสชาติเผ็ดเปรี้ยวเค็มและหวานเล็กน้อยที่อาหารไทยขึ้นชื่อ ทำง่าย อัดแน่นด้วยส่วนผสมที่มีกลิ่นหอม และเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเพลิดเพลินกับรสชาติของต้มยำในมื้ออาหารที่เรียบง่ายและน่าพึงพอใจ

ข้าวผัดต้มยำไก่ เป็นเมนูอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่จัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด หอมกลิ่นเครื่องต้มยำ ทำให้เป็นเมนูที่ถูกใจคนไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก

อะไรที่ทำให้ข้าวผัดไก่ต้มยำพิเศษ?
ข้าวผัดจานนี้แตกต่างจากข้าวผัดทั่วไป เพราะมีส่วนผสมของต้มยำ เช่นตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า พริก และน้ำมะนาวเพื่อให้ได้รสชาติที่เปรี้ยวและเผ็ดร้อนเป็นเอกลักษณ์ ไก่ยังช่วยเพิ่มโปรตีน ทำให้เป็นอาหารมื้อที่อิ่มท้องและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ส่วนผสมที่สำคัญ
ข้าวหอมมะลิหุงสุก – ควรเป็นข้าวเหลือเพื่อให้มีเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด
ไก่ – หั่นเป็นชิ้นหรือเต๋า เพื่อความชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้น
น้ำพริกต้มยำ – เพิ่มรสชาติแบบต้นตำรับได้ทันที
กระเทียมและพริก – เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่าส่วนผสมสำคัญของต้มยำ
น้ำปลาและน้ำมะนาว – เพื่อปรับสมดุลรสเค็มและเปรี้ยว
มะเขือเทศเชอร์รี่และหัวหอม – เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและความหวาน
ผักชีสดและต้นหอม – สำหรับตกแต่งและเพิ่มความสดชื่น

วิธีทำข้าวผัดไก่ต้มยำ
เตรียมส่วนผสม

หั่นไก่เป็นชิ้น สับกระเทียม และหั่นเครื่องปรุงให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
เตรียมส่วนผสมทั้งหมดให้พร้อมเพื่อให้การปรุงอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น
ผัดเครื่องหอม

ตั้งน้ำมันในกระทะหรือกระทะจีนบนไฟปานกลาง
ใส่กระเทียม พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า ผัดจนมีกลิ่นหอม
ปรุงไก่

ใส่ไก่ที่หั่นไว้ลงไปแล้วผัดจนเป็นสีน้ำตาลทอง
ปรุงรสข้าว

คน ส่วนผสมให้เข้ากัน โดยใส่เครื่องต้มยำ น้ำปลา และน้ำตาลเล็กน้อย ให้เข้ากัน
ใส่ข้าวสวยที่หุงสุกแล้วลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยให้แน่ใจว่ามีรสชาติเคลือบทุกเมล็ด
จบด้วยความสดชื่น

เติมน้ำมะนาว มะเขือเทศเชอร์รี และหัวหอม ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
เสิร์ฟและเพลิดเพลิน

ตกแต่งด้วยผักชีสดและต้นหอมก่อนเสิร์ฟ
เสิร์ฟร้อนพร้อมมะนาวฝานเป็นแว่นเพื่อรสชาติแซ่บยิ่งขึ้น
ทำไมคุณถึงควรลองเมนูนี้
รวดเร็วและง่ายดาย – เหมาะสำหรับมื้อด่วนที่บ้าน
อัดแน่นด้วยรสชาติ – ความผสมผสานระหว่างข้าวผัดและต้มยำในจานเดียว
ปรับแต่งได้ – ปรับระดับความเผ็ดหรือเพิ่มกุ้งสำหรับเวอร์ชันอาหารทะเล

ไม่ว่าคุณจะชอบข้าวผัดหรือต้มยำ อาหารจานนี้ถือเป็นเมนูที่ต้องลองสำหรับใครก็ตามที่ชื่นชอบรสชาติไทยๆ เข้มข้นและหอมกรุ่น ลองทำข้าวผัดไก่ต้มยำวันนี้ แล้วเพลิดเพลินกับมื้ออาหารรสเผ็ดเปรี้ยวแสนอร่อยในเวลาเพียงไม่กี่นาที


2
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไฟฟ้าช็อต (Electric shock)

ไฟฟ้าช็อต เป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยทั้งในบ้าน โรงเรียน โรงงาน และสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการใช้ไฟฟ้า

ผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตอาจมีอาการรุนแรงแตกต่างกันไป (ตั้งแต่บาดแผลไหม้เพียงเล็กน้อยจนกระทั่งตาย) ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น

1. ลักษณะของผิวหนังส่วนที่สัมผัสถูกไฟฟ้า ถ้าผิวหนังแห้งจะมีความต้านทานสูง เกิดอันตรายน้อย แต่ถ้าผิวหนังเปียกชื้น (เช่น มีเหงื่อ หรือเปียกน้ำ) หรือมีบาดแผลสด (เช่น ถูกมีดบาด เข็มแทง หรือแผลถลอก) จะมีความต้านทานต่ำ เกิดอันตรายได้สูง

2. ชนิดของกระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง (direct current) เช่น ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ หรือถ่านไฟ จะทำอันตรายได้น้อย ส่วนไฟฟ้ากระแสสลับ (alternating current) จะทำอันตรายได้มาก

กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำ (เช่น ขนาด 50-60 รอบ/วินาที) จะมีอันตรายร้ายแรงกว่าความถี่สูง กระแสไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านถือว่าเป็นชนิดที่มีอันตรายสูง

3. ตำแหน่งและทางเดินของกระแสไฟฟ้าในร่างกาย ถ้าไฟฟ้าวิ่งจากแขนไปแขน หรือแขนไปเท้า จะมีอันตรายกว่าจากเท้าลงดิน เพราะสามารถวิ่งผ่านและทำอันตรายต่อหัวใจ (ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ) ถ้ากระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านสมอง ก็อาจทำให้หยุดหายใจได้ ถ้าวิ่งผ่านกล้ามเนื้อทำให้ชัก กระดูกหัก หรือกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตได้

4. ระยะเวลาสัมผัส ถ้ายิ่งนานก็ยิ่งมีอันตราย ผิวหนังที่สัมผัสไฟฟ้านาน ๆ จะทำให้มีเหงื่อออก ซึ่งจะลดความต้านทานลง กระแสไฟฟ้าจะเข้าร่างกายได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความร้อนในร่างกายเป็นเหตุให้เกิดบาดแผลไหม้รุนแรงได้

สาเหตุ

เกิดจากความประมาทเลินเล่อ การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าผิดวิธีหรือจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์


อาการ

อาการขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว

บางรายเมื่อถูกไฟฟ้าช็อต อาจเพียงแต่ทำให้ล้มลงกับพื้น (ถ้าตกจากที่สูงก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้) หรือของหล่นจากมือ

ถ้าเป็นรุนแรงอาจมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย แล้วตามด้วยอาการตื่นเต้น หายใจเร็ว และหมดสติ อาจหยุดหายใจหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ทันที

บางรายอาจหมดสติชั่วครู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาอาจรู้สึกปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และมีความรู้สึกหวาดผวาได้


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เกิดบาดแผลไหม้ตรงผิวหนังและกินลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นแผลไหม้สีเทาและไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าบาดแผลมีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำเช่นเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก และอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้

บางรายอาจมีกระดูกสันหลังและกระดูกส่วนอื่น ๆ หัก เนื่องจากการชักกระตุกหรือตกจากที่สูง

บางรายอาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก มีอาการซีด เหลือง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

ในรายที่สงสัยมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการตรวจดูอาการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะช็อก ภาวะขาดน้ำ บาดเเผลไหม้ กระดูกหัก เป็นต้น และให้การรักษาตามอาการที่พบ

สำหรับบาดแผลไหม้ (ถ้ามี) จะให้การดูแลรักษาแบบบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แต่ควรระวังบาดแผลที่เห็นจากภายนอก แม้จะดูเล็กน้อยแต่เนื้อเยื่อส่วนลึกอาจถูกทำลายรุนแรง (ผู้ป่วยมักเป็นบาดแผลไฟไหม้ดีกรีที่ 3) ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ หรือมีเลือดออก หรือมีการติดเชื้อในเวลาต่อมาได้


การดูแลตนเอง

เมื่อพบผู้ป่วยถูกไฟฟ้าช็อต ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที


การปฐมพยาบาล

เมื่อพบผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อต ควรรีบให้ความช่วยเหลือดังนี้

1. รีบปิดสวิตช์ไฟฟ้าหรือถอดปลั๊กไฟทันที

2. ถ้าทำไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยให้ผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตหลุดออกจากสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ โดยผู้ที่ทำการช่วยเหลือจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างสูง ต้องยืนอยู่บนฉนวนแห้ง ๆ เช่น ไม้กระดาน กระดาษหนังสือพิมพ์ ผ้าห่ม เสื่อ ผ้ายาง หรือผ้า แล้วใช้ด้ามไม้กวาด ไม้กระดาน ขาเก้าอี้ไม้ หรือไม้เท้าไม้ที่แห้ง เขี่ยสายไฟให้พ้นจากผู้ป่วย หรือดันร่างกายส่วนที่สัมผัสไฟให้หลุดออกจากสายไฟ

ห้ามใช้โลหะหรือวัตถุที่เปียกน้ำเป็นอันขาด ควรใช้ไม้หรือฉนวนไฟฟ้าที่แห้ง และห้ามมิให้แตะต้องถูกตัวผู้ป่วยโดยตรง จนกว่าจะหลุดพ้นออกจากสายไฟเสียก่อน

3. ตรวจดูการหายใจ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที ถ้าหัวใจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้) ให้ทำการนวดหัวใจพร้อมกันไป จนกว่าจะหายใจได้เอง (อ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ")

ถ้าผู้ป่วยหายใจได้เองแต่ยังหมดสติ ควรจัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่าพักฟื้น และให้ทำการปฐมพยาบาล เช่นเดียวกับผู้ป่วยหมดสติจากสาเหตุอื่น ๆ (อ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ")

4. รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลด่วน และควรตรวจดูการหายใจอย่างใกล้ชิด ถ้าหยุดหายใจ ควรเป่าปากช่วยไปตลอดทางจนกว่าจะถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด

ไฟฟ้าช็อต
การช่วยเหลือคนที่ถูกไฟฟ้าช็อต
ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองไว้ใต้เท้าของผู้ช่วยเหลือ

การป้องกัน

ควรหาทางป้องกัน ด้วยการติดตั้งและซ่อมแซมสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มีความปลอดภัยสูง (เช่น ปลั๊กไฟควรติดตั้งให้พ้นมือเด็กเล็ก อย่าให้เอาอะไรไปแหย่เล่นได้) และรู้จักใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยความระมัดระวัง
 

3
ประโยชน์ของฉนวนกันความร้อน และเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนอย่างไร

1. ฉนวนแบบอลูมิเนียมฟอยล์

เป็นฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ตัวฉนวนมีความเหนียว ไม่ขาดง่ายและไม่ลามไฟ ด้วยความบางของตัวฉนวนแบบอลูมิเนียมฟอยล์ทำให้คุณสมบัติการกันความร้อนค่อนข้างน้อย แต่จะเน้นที่การสะท้อนความร้อนออกเป็นหลัก ซึ่งสามารถสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 90% ขึ้นไป

การติดตั้งก็สามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก โดยส่วนมากจะติดตั้งใต้หลังคาและที่สำคัญคือจะต้องเว้นช่องว่างระหว่างตัวฉนวนกับเพดานประมาณ 1 นิ้วขึ้นไป ซึ่งฉนวนประเภทนี้สามารถติดตั้งร่วมกับฉนวนแบบอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกันความร้อนได้


2. ฉนวนแบบโฟม

มีทั้งชนิดที่เป็นแผ่น เช่น โพลีเอทิลีน หรือ ชนิดฉีดพ่น เช่น โฟมโพลียูรีเธน สามารถป้องกันความร้อนได้ดี แต่หากเปรียบเทียบกัน จะพบว่าฉนวนประเภทโฟม สามารถป้องกันน้ำ และกันความชื้นได้ แต่ก็แพ้รังสียูวีของดวงอาทิตย์ จึงไม่เหมาะสม กับการนำไปใช้งาน ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส อาจทำให้บิดงอ หรือ เกิดเพลิงลุกไหม้ได้


3. ฉนวนใยแก้ว หรือ ไฟเบอร์กลาส

ฉนวนกันความร้อนที่มีทั้งแบบแผ่นและม้วน ซึ่งจะแบ่งเป็นฉนวนแบบเคลือบด้วยอลูมิเนียมฟอยล์และแบบฉนวนใยแก้วเปล่าๆ ตัวใยแก้วมีคุณสมบัติทั้งกันความร้อนได้มากถึง 90% และสามารถดูดซับเสียงเสียงได้ ตัวฉนวนมีหลากหลายความหนาตั้งแต่ 1 นิ้วไปจนถึง 3 นิ้ว ซึ่งฉนวนใยแก้วสามารถติดตั้งที่ผนัง หลังคาคอนกรีต หลังคากระเบื้องและฝ้าเพดาน ส่วนมากมักจะถูกติดตั้งตามห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงอาคารบ้านเรือนทั่วไปด้วยเช่นกัน

เราอาจเคยได้ยินว่าฉนวนใยแก้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกายหรือเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งตามจริงแล้วนั้นใยแก้วไม่มีอันตรายมากมายขนาดนั้น แต่หากสูดดมเข้าไปอาจเกิดอาการระคายเคืองที่จมูกและหากสัมผัสโดนมากๆก็อาจเกิดอาการคันได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดเราควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาติดตั้งฉนวนใยแก้วให้เรา


4. ฉนวนประเภทเซลลูโลส

เป็นฉนวนที่ผลิตจากเยื่อไม้ หรือเยื่อกระดาษ ทั้งนี้จึงต้องใส่สารป้องกันการลุกลามของไฟ ส่วนใหญ่มักเป็นชนิดพ่นใต้ช่องว่างหลังคา หรือฝ้าเพดาน มีคุณสมบัติในการกันความร้อนดีพอ ๆ กับฉนวนใยแก้ว แต่การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องพ่นเข้าไปในหลังคา ให้มีความหนามากกว่า 2 นิ้ว


5. ฉนวนใยหินร็อควูล (RockWool)

ฉนวนกันความร้อนที่มีทั้งแบบแผ่นและม้วน สามารถกันความร้อนได้ดี มักนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่เน้นด้านการกันความร้อนหรือป้องกันเรื่องอัคคีภัยเป็นหลัก เพราะสามารถกันความร้อนได้ในอุณหภูมิสูงได้ถึง 600 – 800 องศาเซลเซียส ซึ่งฉนวนรูปแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการป้องกันความเย็นหรือห้องที่มีความชื้นมากๆ

ตามข่าวที่เคยมีประกาศว่าใยหินนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคน แท้จริงแล้วสิ่งที่เป็นอันตรายคือแร่ใยหินที่ถูกนำมาใช้ในการกันความร้อนในยุคแรก แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาใยหินร็อควูลที่ผลิตจากหินธรรมชาติ และสามารถป้องกันทั้งความร้อนและเสียงได้


6. ฉนวนแบบแคลเซียมซิลิเกต (Calcium Silicate)

เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีทั้งแบบแผ่นและแบบหุ้มท่อที่สามารถกันความร้อนได้สูง ตั้งแต่ 600 องศาถึง 1,000 องศาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถกันความชื้น ไม่ติดไฟและมีความแข็งแรงทนทาน จึงมักจะนำฉนวนแบบแคลเซียมซิลิเกตนี้มาใช้ในโรงงานที่มีเตาเผาหรือเตาหลอมที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ เพื่อกั้นความร้อนจากเตาเผาต่างๆไม่ให้ออกไปสู่จุดอื่น


7. ฉนวนแบบเซรามิคโค้ตติ้ง (Ceramic Coating)

ฉนวนกันความร้อนแบบพ่นที่เน้นการสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ออกจากตัวอาคารบ้านเรือนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนต่อสภาพอากาศและสารเคมีต่างๆอีกด้วย ตัวเซรามิคโค้ตติ้งไม่ติดไฟ เมื่อพ่นแล้วยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของหลังคาและป้องกันการรั่วเวลาฝนตกได้อีกด้วย ดังนั้นฉนวนประเภทนี้มักจะนำมาพ่นที่หลังคาชนิดต่างๆ เพื่อสะท้อนความร้อนและทำให้ตัวบ้านหรืออาคารภายในมีอุณหภูมิที่ลดลง


8. ฉนวนเวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)

ฉนวนที่มีส่วนผสมของเวอร์มิคูไลท์ที่ทำจากแร่ไมก้าเป็นหลัก ฉนวนประเภทนี้สามารถหลอมเป็นรูปร่างต่างๆได้ ซึ่งเวอร์มิคูไลท์สามารถนำไปหลอมรวมกับส่วนผสมต่างๆเพื่อให้เกิดการกันความร้อนที่มากขึ้นได้ เช่น นำไปหล่อรวมกับปูนซีเมนต์และทราย จนกลายเป็นคอนกรีตเวอร์มิคูไลท์ที่สามารถกันความร้อนได้ดีกวาคอนกรีตทั่วไปมาก

4
บริการทำความสะอาด: ทำความสะอาดห้องน้ำให้ปิ๊ง แบบเจาะลึกทุกขั้นตอน

วิธีทำความสะอาดห้องน้ำให้สะอาดน่าใช้ไปทุกตารางนิ้วเจาะลึกทุกขั้นตอนทำความสะอาดห้องน้ำที่ต้องให้สิบคะแนนเต็มลองมาทำความสะอาดห้องน้ำตามนี้เพื่อพิสูจน์ความเก๋ากันค่ะ

เคยไหมคะที่ยอมทนอั้นปัสสาวะจนแทบจะเป็นนิ่วในนาทีนั้น เพียงเพราะรับไม่ได้กับสภาพห้องน้ำที่สกปรกสุด ๆแถมยังส่งกลิ่นเหม็นตุออกมาไม่หยุดหย่อน เจอสภาพห้องน้ำแบบนี้เข้าไปเป็นใครก็คงส่ายหน้าหนีกันหมดล่ะเนอะยิ่งถ้าเป็นห้องน้ำในบ้านแล้วแขกมาเจอสภาพห้องน้ำที่สกปรกสุดยี้เข้าละก็งานนี้คงได้ขายหน้ากันทั้งบ้านแน่ ๆ

เอาล่ะ ! ถ้าอย่างนั้นมาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยเคล็ดลับแบบเจาะลึกทุกขั้นตอนดีกว่ารับรองว่าไม่มีพื้นที่ในห้องน้ำหลุดรอดหนีความสะอาดไปได้สักตารางนิ้วชัวร์

 
1. นำผ้าเช็ดเท้าไปซัก

ผ้าเช็ดเท้าที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ รวมทั้งผ้าเช็ดมือ และผ้าม่านที่ประดับอยู่คงสะสมเชื้อโรคและฝุ่นไรจำนวนไม่น้อย ดังนั้นก่อนจัดการล้างห้องน้ำควรปลดม่าน ผ้าเช็ดมือ และนำผ้าเช็ดเท้าไปซักทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย

 
2. ย้ายทุกไอเทมออกมาจากห้องน้ำ

ขั้นต่อมาให้ย้ายของทุกอย่างออกจากห้องน้ำให้หมดทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและของตกแต่งกระจุกกระจิกรวมไปถึงการตกแต่งบางอย่างที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ก็ต้องเก็บไม่ให้เหลือสักชิ้นเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้โล่งที่สุดก่อนจัดการทำความสะอาดนะจ๊ะ

 
3. ละเลงน้ำยาทำความสะอาดในโถสุขภัณฑ์

จัดการราดน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำลงในโถส้วมให้ทั่วถึงอย่าลืมเปิดพัดลมดูดอากาศหรืออย่างน้อยก็ต้องเปิดประตูและหน้าต่างห้องน้ำเพื่อระบายอากาศและปิดฝาชักโครกด้วย ทว่าหากใครไม่อยากเสี่ยงกับสารเคมีอันตรายจะลองผสมผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในอัตราส่วน 75/25 ก็ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ได้เจ๋งแจ๋วไม่แพ้น้ำยาความสะอาดเลย

 
4. ปัดหยากไย่ ไล่ฝุ่น

ความสะอาดของห้องน้ำไม่ได้เปล่งประกายจากพื้นห้องน้ำหรือสุขภัณฑ์ต่าง ๆ เท่านั้นแต่ฝ้าเพดานและผนังห้องน้ำก็มองข้ามไม่ได้เลยดังนั้นเรามาใช้ไม้กวาดหยากไย่ไล่กวาดไปตามฝ้าเพดานให้ทั่วโดยไล่กวาดตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างกันเถอะ

 
5. ขัดกระจกและผนังห้อง

ถัดจากฝ้าเพดานแล้วก็มาต่อด้วยกระจกห้องน้ำ โดยเช็ดกระจกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกกับกระดาษหนังสือพิมพ์ส่วนผนังก็ถูด้วยแปรงขัด แต่หากเป็นผนังที่ติดวอลเปเปอร์ให้หุ้มแปรงขัดด้วยผ้าชุบน้ำผืนหนา แล้วค่อยเช็ดถูผนังให้สะอาดสำหรับคราบหนักควรใช้น้ำยาความสะอาดร่วมด้วยนะ

 
6. ล้างอ่างและบริเวณเคาน์เตอร์

ผสมน้ำสบู่กับน้ำอุ่นแล้วใช้แปรงสีฟันอันเก่ามาขัดตามซอกกระเบื้องบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ารวมทั้งพื้นที่แคบตรงอ่างล้างหน้าและก๊อกน้ำด้วย แต่หากคราบสกปรกฝังแน่น
อาจต้องใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูให้พอเป็นเนื้อข้นเหนียวมาป้ายคราบสกปรกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นค่อยใช้แปรงสีฟันขัดอีกครั้งแต่สำหรับพื้นที่ของอ่างล้างหน้าและกระเบื้องเคาน์เตอร์สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดและฟองน้ำขัดถูได้เลย

 
7. ทำความสะอาดด้านนอกโถสุขภัณฑ์

เริ่มจากฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาขจัดคราบอเนกประสงค์ลงไปให้ทั่วบริเวณด้านอนโถสุขภัณฑ์แล้วใช้ฟองน้ำบิดหมาดถูทำความสะอาดโดยรอบ ตามด้วยล้างด้วยน้ำสะอาดให้เรียบร้อย

 
8. ขัดโถสุขภัณฑ์

หลังจากจัดการด้านนอกโถไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงตาด้านในโถสุขภัณฑ์ที่เราเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้แล้วล่ะค่ะโดยอุปกรณ์เสริมสำหรับขั้นตอนนี้สามารถเลือกเป็นแปรงขัดมีด้ามยาวแบบปกติก็ได้เสร็จแล้วก็กดชักโครกชำระคราบน้ำยาอีกที

 
9. จัดการพื้นห้องน้ำ

พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในห้องน้ำสะอาดปิ๊งหมดจด คงเหลือแต่พื้นห้องน้ำที่ยังเขรอะอยู่ดังนั้นงานต่อมาก็ต้องขัดพื้นห้องน้ำให้แจ่มสักที ซึ่งหากคุณใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ
ควรเทน้ำยาทิ้งไว้สัก 10 นาทีก่อนขัด หรือหากใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างห้องน้ำควรราดน้ำยาทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนลงมือขัด และในส่วนร่องกระเบื้องที่สะสมคราบสกปรกไว้มาก
ต้องเจอกับแปรงสีฟันด้ามเก่ากับน้ำยาฟอกขาวสักหน่อย

 
10. โละของเก่าทิ้ง จัดของยังใช้เข้าที่ให้เรียบร้อย

หลังจากทำความสะอาดพื้นห้องน้ำเสร็จแล้ว ควรจะใช้ม็อบหรือฟองน้ำซับน้ำออกอีกทีพร้อมทั้งเปิดพัดลมดูดอากาศไว้เพื่อป้องกันความชื้น จากนั้นก็มาคัดของที่เราย้ายออกมาจากห้องน้ำต่อโดยเลือกเอาแค่เฉพาะของที่ยังใช้งานอยู่ไปวางเก้บเข้าที่ ส่วนบรรดาแปรงสีฟันอันเก่าซากหลอดยาสีฟันที่ใช้หมดแล้ว รวมทั้งหลอดโฟมล้างหน้าเบาโหวงก็จัดการโยนทิ้งขยะซะแต่ก่อนจะนำของใช้ไปวางเข้าที่ อย่าลืมล้างน้ำให้หายมอมแมมด้วยนะคะ

หลังจากเคลียร์ห้องน้ำจนสะอาดหมดจดแล้ว ก็อย่าลืมรักษาความสะอาดห้องน้ำอยู่เสมอด้วยล่ะโดยเฉพาะเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ควรใช้ม็อบถูพื้นห้องน้ำให้แห้ง เปิดพัดลมดูดอากาศทิ้งไว้สักพักพร้อมกันนั้นม่านกั้นห้องน้ำหรือผนังห้องน้ำที่เปื้อนคราบสบู่ก็ควรฉีดน้ำล้างให้หมดจดด้วย

5
Doctor At Home: คางทูม (Mumps/Epidemic parotitis)

คางทูม เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำลาย โดยมากมักจะเป็นที่ต่อมน้ำลายข้างหู (parotid glands) พบมากในเด็กอายุ 6-10 ปี มักไม่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 40 ปี มีอุบัติการณ์สูงในเดือนมกราคมถึงเมษายน และกรกฎาคมถึงกันยายน อาจพบการระบาดได้เป็นครั้งคราว

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อคางทูม ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม paramyxovirus เชื้อจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด หรือโดยการสัมผัสถูกมือ สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จาน ชาม เป็นต้น) หรือสิ่งแวดล้อมที่แปดเปื้อนเชื้อแบบเดียวกับไข้หวัด เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและปาก แล้วแบ่งตัวในเซลล์เยื่อบุของทางเดินหายใจส่วนต้น หลังจากนั้นเชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด แพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะต่อมน้ำลายข้างหู

ระยะฟักตัว 2-4 สัปดาห์ (เฉลี่ย 16-18 วัน)

อาการ

ที่สำคัญ คือ ขากรรไกรบวม 1-2 ข้าง โดยแรกเริ่มผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางรายอาจเจ็บคอภายใน 24 ชั่วโมง (บางรายอาจหลายวัน) ต่อมาจะมีอาการปวดที่ข้างแก้มใกล้ใบหูหรือปวดหู ซึ่งจะเป็นมากขึ้นเวลาพูด เคี้ยว หรือกลืน หรือเวลากินอาหารรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม มะนาว ต่อมาจะเกิดอาการบวมที่ขากรรไกรบริเวณใต้หูและข้างหู (ทั้งด้านหน้าและหลังหู) ทำให้ใบหูถูกดันขึ้นข้างบน ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดมากขึ้น จนบางครั้งพูด เคี้ยว หรือกลืนลำบาก อาการบวมและปวดจะเป็นมากสุดภายใน 1-3 วัน แล้วค่อย ๆ ลดลง และส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 4-8 วัน บางรายอาจนานถึง 10 วัน ส่วนอาการไข้ส่วนใหญ่จะเป็นอยู่ 3-4 วัน บางรายอาจเป็นอยู่ประมาณ 1-6 วัน

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีขากรรไกรบวมข้างเดียวก่อน ต่อมาอีก 1-2 วัน (บางรายหลายวัน) จึงบวมอีกข้าง ประมาณร้อยละ 25 ของผู้ป่วยจะมีอาการบวมเพียงข้างเดียว

บางรายอาจมีการอักเสบของต่อมน้ำลายใต้คาง (submandibular glands) และใต้ลิ้น (sublingual glands) ร่วมด้วย ทำให้มีอาการบวมที่ใต้คาง

บางรายอาจมีขากรรไกรบวมโดยไม่มีอาการอื่น ๆ นำมาก่อน หรืออาจมีเพียงอาการไข้โดยขากรรไกรไม่บวมก็ได้

ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ติดเชื้อคางทูมจะไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนมากจะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนน้อยที่อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อคางทูมของเนื้อเยื่อส่วนอื่น ซึ่งอาจแสดงอาการก่อน ขณะ หรือหลังขากรรไกรบวม หรืออาจเกิดขึ้นโดยไม่มีอาการขากรรไกรบวมก็ได้

ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย ได้แก่ อัณฑะอักเสบ (orchitis) พบได้ประมาณร้อยละ 30-38 จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น อัณฑะปวดและบวม (จะปวดมากใน 1-2 วันแรก) มักพบหลังเป็นคางทูม 7-10 วัน แต่อาจพบก่อนหรือพร้อม ๆ กับคางทูมก็ได้ ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างเดียวและน้อยรายที่จะกลายเป็นหมัน มักพบหลังวัยแตกเนื้อหนุ่ม ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 30-40 ปี ในเด็กอาจพบได้บ้าง แต่น้อยกว่าในผู้ใหญ่มาก

อาจพบรังไข่อักเสบ (oophoritis) ซึ่งจะมีอาการไข้และปวดท้องน้อย มักพบในวัยแตกเนื้อสาว ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เป็นหมันได้

อาจทำให้แท้งบุตรในกรณีติดเชื้อคางทูมในระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์

อาจพบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุด มักมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เอง ส่วนสมองอักเสบอาจพบได้บ้างแต่น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม่รุนแรง ส่วนน้อยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมอง หรือร้ายแรงถึงตาย

นอกจากนี้ ยังอาจพบตับอ่อนอักเสบ ประสาทหูอักเสบ (อาจทำให้หูตึงหรือสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวรได้) ไตอักเสบ ต่อมไทรอยด์อักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ข้ออักเสบ ตับอักเสบ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ แต่ล้วนเป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักตรวจพบไข้ 38-40 องศาเซลเซียส (บางรายอาจไม่มีไข้) บริเวณขากรรไกรบวมข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง กดเจ็บ

รูเปิดของท่อน้ำลายในกระพุ้งแก้ม (บริเวณตรงกับฟันกรามบนซี่ที่ 2) อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย

อาจพบอาการลิ้นบวม (ในรายที่มีต่อมน้ำลายใต้ลิ้นอักเสบ) หรือหน้าอกตรงส่วนใต้คอบวม (ในรายที่มีต่อมน้ำลายใต้คางบวม)

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคคางทูมให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด (ทำการทดสอบทางน้ำเหลือง) เพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อเชื้อคางทูม การตรวจหาเชื้อคางทูมจากน้ำลาย น้ำไขสันหลัง หรือปัสสาวะ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการขากรรไกรบวม มีประวัติ (เช่น การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นคางทูม) และอาการ (มีไข้ ปวดขากรรไกรมาก่อน) เข้าได้กับโรคคางทูม โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ให้การรักษาตามอาการโดยไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะ แนะนำให้ผู้ป่วยนอนพัก ดื่มน้ำมาก ๆ เช็ดตัวเวลามีไข้สูง หลีกเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยว ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบ ถ้าปวดมากใช้กระเป๋าน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบ

ในช่วงที่ขากรรไกรบวมหรือปวดมาก หรืออ้าปากลำบาก แนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารอ่อนหรือที่เคี้ยวง่าย

ถ้าไข้ไม่สูงหรือไม่มีไข้ ไม่ต้องให้ยา ถ้าไข้สูงให้พาราเซตามอล ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม

2. ถ้ามีอัณฑะอักเสบ ให้ประคบด้วยน้ำแข็ง ให้ยาลดไข้แก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์

ในรายที่อักเสบรุนแรงหรือให้ยาลดไข้แก้ปวดแล้วไม่ทุเลา แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์ลดการอักเสบ เช่น ให้เพร็ดนิโซโลน

3. ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก คอแข็ง ชัก หรือซึมไม่ค่อยรู้สึกตัว แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และให้การรักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ให้การรักษาตามอาการ มักจะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา


การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นคางทูม ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. ปฏิบัติตัว ดังนี้

    พักผ่อนมาก ๆ ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยว
    กินอาหารตามปกติหรืออาหารอ่อน (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก)
    ใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นคางทูม
    ถ้ามีไข้สูง หรือปวด กินยาลดไข้แก้ปวด - พาราเซตามอล* (ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม)  (ดู โรคเรย์ซินโดรม)

2. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ปวดศีรษะมาก อัณฑะปวดและบวม ปวดท้องนานเป็นชั่วโมง ๆ เจ็บหน้าอกมาก หรือตาเหลืองตัวเหลือง
    มีอาการเหงือกอักเสบ
    มีประวัติการแพ้ยา สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือมีโรคตับ โรคไต หรือประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยา หรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    อาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. การฉีดวัคซีนป้องกัน แนะนำให้ฉีดวัคซีนรวมป้องกันหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) แก่เด็กทุกคน โดยฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน และฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี

2. ในช่วงที่มีการระบาดหรือมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นโรคนี้ แนะนำให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัด


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้เกิดจากไวรัส ถือเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องฉีดยาหรือให้ยาจำเพาะแต่อย่างใด การที่ชาวบ้านในสมัยก่อนหรือบางคนนิยมเขียน “เสือ” ด้วยตัวหนังสือจีนที่แก้มทั้ง 2 ข้าง หรือใช้ปูนแดงหรือครามป้ายแล้วหายได้นั้นก็เพราะเหตุนี้

2. ควรแยกผู้ป่วยออกต่างหาก อย่าให้คลุกคลีกับคนอื่น จนกว่าจะพ้นระยะติดต่อ (ระยะติดต่อตั้งแต่ 4 วันก่อนมีอาการจนกระทั่ง 9 วัน หลังมีอาการ)

3. ควรเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ หากสงสัยควรส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล

4. เมื่อเป็นแล้วมักจะไม่เป็นซ้ำอีก

5. อาการคางบวม อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ ได้ ควรซักถามอาการและตรวจร่างกายให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจดูภายในปากและลำคอ (ตรวจอาการ คางบวม/คอบวม ประกอบ) และถ้าให้การดูแลรักษาตามอาการ 1 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา ก็ควรค้นหาสาเหตุอื่นต่อไป เช่น เมลิออยโดซิส ต่อมน้ำลายอักเสบ*

6. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

* ต่อมน้ำลายอักเสบ (parotitis) มักมีลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ ที่มุมขากรรไกร หรือใต้คางอย่างเรื้อรัง อาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุชักนำชัดเจนก็ได้ บางรายอาจพบว่ามีภาวะอุดกั้นของท่อน้ำลายจากก้อนนิ่ว  เนื้องอก  หรือท่อน้ำลายตีบ  หากพบควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาที่ถูกต้อง

6
ไอเดีย งานฝีมือสำหรับแต่งบ้านน่ารักๆ

หากคุณกำลังมองหางานฝีมือสำหรับแต่งบ้านน่ารัก ๆ ที่ทำได้เองและเพิ่มความอบอุ่นให้กับพื้นที่ ลองดูไอเดียเหล่านี้ที่ทำง่ายและใช้วัสดุไม่ซับซ้อนค่ะ


1. งานถัก/ทอไหมพรม หรือด้าย

เป็นงานฝีมือที่มอบความนุ่มนวลและอบอุ่นให้กับบ้านได้ดีเยี่ยม

ที่รองแก้ว/ที่รองจาน: ถักโครเชต์เป็นวงกลม ลายง่าย ๆ หรือรูปทรงน่ารัก เช่น ผลไม้ หัวใจ ใช้ไหมพรมสีสดใสหรือสีเอิร์ธโทน

มาคราเม่ (Macramé) แขวนผนัง: ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ แค่เชือกคอตตอนถักเป็นปมต่าง ๆ ก็ได้ลวดลายสวยงาม ใช้ประดับผนังเล็ก ๆ หรือทำเป็นที่แขวนกระถางต้นไม้เล็ก ๆ ก็เก๋

พู่ไหมพรม (Pom-Pom): ทำพู่ไหมพรมหลากสีมาผูกรวมกันเป็นพวงแขวนตกแต่งประตูหน้าต่าง หรือเย็บติดกับหมอนอิงก็เพิ่มความน่ารัก


2. งานประดิษฐ์จากกระดาษ

กระดาษเป็นวัสดุที่หาซื้อง่าย ราคาถูก และสร้างสรรค์ได้หลากหลาย

โคมไฟกระดาษลายน่ารัก: อาจจะใช้กระดาษสา กระดาษแก้ว หรือกระดาษลายสวย ๆ มาพับหรือตัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ แล้วนำมาติดกับโครงโคมไฟขนาดเล็ก หรือใช้คลุมหลอดไฟ LED ที่ไม่เกิดความร้อน

พวงมาลัยกระดาษ (Paper Garland): ตัดกระดาษเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น หัวใจ ดาว นก ใบไม้ แล้วร้อยเรียงกันเป็นเส้นยาว แขวนตกแต่งผนัง ประตู หรือหน้าต่าง

งานพับกระดาษ (Origami) สำหรับตกแต่ง: พับกระดาษเป็นรูปนกกระเรียน ดาว หรือสัตว์น่ารัก ๆ แล้วนำมาจัดวางบนชั้นวางของ หรือร้อยเชือกแขวน


3. งานจากผ้า/เศษผ้า

เศษผ้าเหลือใช้จากเสื้อผ้าเก่า หรือผ้าที่ไม่ใช้แล้ว สามารถนำมาแปลงโฉมให้เป็นของแต่งบ้านเก๋ไก๋ได้

ปลอกหมอนอิงจากเศษผ้า: เย็บเศษผ้าหลาย ๆ ลายรวมกันแบบ Patchwork หรือตัดผ้าเป็นรูปทรงแล้วเย็บ Appliqué ลงบนปลอกหมอน เพิ่มความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์

กระเป๋าผ้าจัดระเบียบ: เย็บกระเป๋าผ้าเล็ก ๆ หลายช่อง ติดไว้ข้างเตียงหรือในห้องน้ำสำหรับใส่ของกระจุกกระจิก

พรมเช็ดเท้า DIY: ตัดเศษผ้าเป็นเส้นยาว ๆ แล้วนำมาถักเปีย หรือสานรวมกันเป็นพรมเช็ดเท้าลายสวย


4. งานประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ

นำสิ่งของจากธรรมชาติรอบตัวมาสร้างสรรค์เป็นของตกแต่งบ้านที่ไม่เหมือนใคร

โมบายล์เปลือกหอย/กิ่งไม้: เก็บเปลือกหอยสวย ๆ หรือกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่มีรูปทรงแปลกตา มาร้อยเรียงทำเป็นโมบายล์แขวนหน้าต่าง หรือระเบียง ให้เสียงกระทบกันเบา ๆ

แจกันจากขอนไม้/เปลือกไม้: นำขอนไม้เล็ก ๆ ที่มีโพรง หรือเปลือกไม้ทรงสวย มาทำเป็นแจกันใส่ดอกไม้แห้ง หรือต้นไม้เล็ก ๆ

ภาพวาดจากใบไม้/ดอกไม้แห้ง: นำใบไม้หรือดอกไม้แห้งมาจัดเรียงเป็นภาพ แล้วติดกาวลงบนกระดาษหรือผ้าใบ ใส่กรอบตกแต่งผนัง


5. งานเพ้นท์/วาดภาพง่าย ๆ

แม้ไม่มีพื้นฐานงานศิลปะ ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานน่ารัก ๆ ได้

เพ้นท์กระถางต้นไม้: ใช้สีอะคริลิคเพ้นท์ลายง่าย ๆ เช่น จุด วงกลม ลายเส้น หรือวาดรูปสัตว์น่ารัก ๆ ลงบนกระถางต้นไม้ดินเผา หรือกระถางเซรามิกสีพื้น

เพ้นท์ขวดแก้ว/โหล: นำขวดแก้วหรือโหลเปล่ามาเพ้นท์สีสันสดใส หรือวาดลวดลายง่าย ๆ ใช้เป็นแจกันใส่ดอกไม้ หรือที่ใส่ของกระจุกกระจิก

วาดภาพบนผ้าใบขนาดเล็ก: ลองวาดภาพนามธรรมง่าย ๆ ใช้สีสันที่ชอบ หรือวาดรูปคาแรคเตอร์น่ารัก ๆ ใส่กรอบเล็ก ๆ แขวนบนผนัง


เคล็ดลับเพิ่มเติม:

เริ่มจากสิ่งที่ชอบ: เลือกงานฝีมือที่คุณสนใจและสนุกไปกับมัน จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เบื่อง่าย

ใช้วัสดุที่มี: ลองสำรวจของเหลือใช้ในบ้าน หรือของที่หาได้ง่าย ๆ ก่อนจะซื้ออุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด

ทำชิ้นเล็ก ๆ ก่อน: หากเพิ่งเริ่มต้น ลองทำชิ้นงานขนาดเล็กที่ไม่ซับซ้อน เพื่อสร้างความมั่นใจ

ให้เวลากับตัวเอง: งานฝีมือต้องใช้ความอดทน อย่าเร่งรีบ และสนุกไปกับกระบวนการ

ตกแต่งในแบบของคุณ: ใส่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองลงไปในชิ้นงาน เพื่อให้บ้านมีสไตล์ที่เป็นคุณมากที่สุด

หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์ของแต่งบ้านน่ารัก ๆ นะคะ! มีงานฝีมือแบบไหนที่คุณสนใจเป็นพิเศษไหมคะ?


7
จัดฟันบางนา: จัดฟันแบบเร่งด่วน ใช้เวลาสั้นที่สุด สามารถทำได้หรือไม่ ?

เชื่อว่าหลายๆท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วถึงระยะเวลาในการจัดฟัน ว่าต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร บางท่านอาจจะไม่สามารถทำการจัดฟันได้เนื่องจากว่าไม่มีเวลามากพอที่จะมาทำการจัดฟันตามขั้นตอนของทันตแพทย์ หรือผู้ที่ทำการจัดฟันไปแล้วมักจะมีคำถามแรกคล้ายๆกันนั่นก็คือ เมื่อไหร่จะเสร็จสิ้นการจัดฟัน ? เมื่อไหร่ฟันจะเข้าที่ ? ต้องจัดฟันไปอีกนานหรือไม่ ? ต้องขอบอกเลยว่าเป็นคำถามยอดนิยมมากๆ ที่ทันตแพทย์จะได้ยินจากผู้ป่วยที่เข้าทำการรักษา ซึ่งแท้จริงแล้วทุกอย่างมีขั้นมีตอน

ในวันนี้จะขอมาตอบคำถามเพื่อให้ทุกท่านได้ทราบและเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับการจัดฟัน รวมถึงการจัดฟันแบบเร่งด่วนมีหรือไม่ ต้องทำอย่างไรฟันจึงจะเข้าที่อย่างรวดเร็ว โดยมีรายละเอียดที่อยากให้ทราบดังต่อไปนี้

ระยะเวลาในการจัดฟัน ?

ต้องขอบอกเลยว่าศาสตร์การจัดฟันนั้นมีอายุมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งทำให้มีการเก็บข้อมูลทำการวิจัยมาอย่างยาวนานมากๆ หนึ่งในนั้นก็คือ ระยะเวลาที่แน่นอนของการจัดฟัน จนสรุปได้อย่างคร่าวๆว่า ต้องใช้ระยะเวลาการจัดฟันอยู่ที่ 2 – 3 ปี โดยประมาณ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกท่านที่จัดฟันจะต้องใช้ระยะเวลาเท่านี้เสมอไป บางท่านอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี ก็มี หรือบางท่านอาจจะใช้เวลาแค่ 2 ปี ก็เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งเรื่องของระยะเวลาในการจัดฟันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาฟันที่ทำการจัด อายุ ระดับการตอบสนองของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนก็มีสิ่งเหล่านี้ไม่เท่ากัน แต่ความร่วมมือของผู้ทำการจัดฟันที่ให้กับทันตแพทย์ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ท่านจัดฟันได้รวมเร็วและมีประสิทธิภาพดีที่สุด


ระยะเวลาในการจัดฟัน ขึ้นอยู่กับทันตแพทย์ด้วย ?

ต้องขอบอกเลยว่า ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาก็ถือว่ามีผลต่อระยะเวลาในการจัดฟันเช่นกัน เนื่องจากว่าทันตแพทย์แต่ละท่านมีประสบการณ์ต่างกัน เรียนมาไม่เหมือนกัน มุมมองต่างกัน และเทคนิควิธีที่นำมาใช้ก็มีความต่างกัน และที่สำคัญมากๆอีกอย่างก็คือ ความละเอียดในการรักษาของทันตแพทย์แต่ละท่านไม่เท่ากัน เช่น ทันตแพทย์บางท่านงานต้องออกมาสมบูรณ์แบบ เลยมีความละเอียดมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่มากตามไปด้วย


วิธีการเร่งจัดฟันมีหรือไม่ ?

ต้องขอบอกตรงนี้เลยว่ามีและไม่มี ซึ่งการจัดฟันแบบเร่งด่วนถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญมากๆสำหรับทันตกรรมระดับโลกที่กำลังศึกษากันอยู่ และยังไม่สามารถทำออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้ชัดเจน เพราะหากว่าใครสามารถคิดค้น วิธีจัดฟันเพียง 3 เดือนได้ จะกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกแน่นอน

แต่ที่ผ่านมาก็ได้มีการวิจัยและประดิษฐ์คิดค้น วิธีการเร่งการจัดฟันออกมาเยอะแยะมากมาย ยกตัวอย่างเช่น แบร็กเก็ตพิเศษ แบร็กเก็ตแบบไม่มัดยาง รวมถึงแบร็กเก็ตรูปทรงต่างๆ มากมาย แถมยังมีเครื่องมือกระตุ้นกระดูกรอบๆฟัน จุดหมายเพื่อให้ฟันเคลื่อนที่เข้ารูปได้รวดเร็วขึ้นกว่าปกติที่ใช้กันอยู่ ซึ่งเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ได้มีการผลิตใช้จริงตั้งแต่ในสมัยอีกรวมถึงปัจจุบัน ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อ หลายบริษัท

แต่อุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ยังไม่มีการรองรับอย่างเป็นทางการด้านวิทยาศาสตร์ ว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่

แต่ที่แน่ๆอุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายเป็นวงกว้างในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ยังไม่ได้มีการยืนยันแน่นอนว่าช่วยทำให้การจัดฟันรวมเร็วขึ้น

แต่สิ่งที่ทั้งโลกให้การยอมรับว่าการจัดฟันนั้นจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ การวินิจฉัยและวางแผนที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย  รวมถึงความร่วมมือของผู้ที่ทำการจัดฟันมากน้อยเพียงใด หากทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด โอกาสผิดพลาดก็จะลดน้อยลง เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่ทันตแพทย์ต้องวางเอาไว้

ส่วนอุปกรณ์เสริมพิเศษเหล่านั้น แท้ที่จริงแล้วฟันของเราไม่เคยเลือกอุปกรณ์ แต่ผู้ที่นำอุปกรณ์มาใช้ต่างหากที่ต้องมีความสามารถและชำนาญ

สรุปสั้นๆกับคำถามที่หลายๆท่านอยากทราบในการจัดฟันแบบเร่งด่วนมีจริงไหม คำตอบง่ายๆก็คือ มีจริง แต่ไม่ใช่เร็วแบบเดือนหรือสองเดือน ผลสุดท้ายทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวท่านเองเป็นสำคัญ

8
motor show 2025: พร้อมเผยโฉม GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition และ GWM TANK 700 Hi4-T

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เดินหน้าตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมอัจฉริยะระดับโลกอย่างต่อเนื่องในงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 ไฮไลต์สำคัญกับการประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังงานไฮบริดคันแรกของเมืองไทย รวมไปถึงเซอร์ไพรส์พิเศษที่ส่งตรงจากประเทศจีนถึง 2 รุ่น จาก 2 เซกเมนต์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภคชาวไทย อย่าง GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition รถยนต์เอ็มพีวีอเนกประสงค์ระดับไฮเอนด์ พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพรีเมียมและการใช้สอยทางธุรกิจได้อย่างไร้ที่ติเพื่อเคียงข้างทุกความสำเร็จ และ GWM TANK 700 Hi4-T สุดยอดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขุมพลังปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด ผสมผสานสุนทรียภาพและความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว สู่การเดินทางอันไร้ซึ่งขีดจำกัด

ร่วมด้วยทัพรถยนต์พลังงานใหม่รวมทั้งสิ้นกว่า 12 รุ่น และโปรโมชันสุดเร้าใจส่งท้ายปี ที่บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ A05 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 – 10 ธันวาคม 2567 และที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ

GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริดคันแรกในประเทศไทย ประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO ราคา 1,189,000 บาท และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ราคา 1,389,000 บาท พร้อมส่งมอบทันที โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร มอบพละกำลัง 244 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร และโหมดการขับขี่ที่ให้ถึง 5 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมด 4L และโหมด 4H (3 โหมดแรกสำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และ 5 โหมดสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ด้านมิติตัวรถมีความยาวถึง 5,445 มิลลิเมตร กว้าง 1,991 มิลลิเมตร สูง 1,924 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร นับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน มอบห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายดั่งรถยนต์เอสยูวี พร้อมกับความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร ช่วยให้สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มิลลิเมตร

GWM POER SAHAR HEV สร้างปรากฏการณ์ใหม่ กับ "ครั้งแรก" ของตลาดรถกระบะในเมืองไทย ได้แก่

ครั้งแรก ของเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด มอบพละกำลังและสมรรถนะการขับขี่แม้ในขณะเร่งแซง พร้อมความเงียบ นุ่มนวล ลดเสียงและการสั่นของเครื่องยนต์ในห้องโดยสาร
ครั้งแรก ที่เบาะด้านหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 33 องศา เพิ่มความสบายในการนั่งโดยสาร แม้จะเป็นการขับขี่ระยะทางไกล

ครั้งแรก ของฝาท้ายกระบะที่สามารถเปิด-ปิดได้ถึง 2 รูปแบบ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ครั้งแรก ของรถกระบะที่มีระยะฐานล้อที่ยาวที่สุดในเซกเมนต์ มอบห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย เสมือนหนึ่งรถยนต์เอสยูวี
GWM POER SAHAR HEV กับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก สู่ความสะดวกสบาย ความบันเทิง และความปลอดภัยเต็มรูปแบบ

ไฟหน้าและไฟท้าย LED อัจฉริยะที่ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ทั้งระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทาง หลังดับเครื่องยนต์

ส่วนการออกแบบภายใน โดดเด่นด้วยเบาะหนังสังเคราะห์ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเฉพาะเบาะคนขับ (สำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO) และเบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางเฉพาะเบาะคนขับ (รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) มาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศในที่นั่งแถวหน้า และช่องปรับอากาศเฉพาะสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง
หน้าจอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาด 12.3” รองรับทุกการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, MP5, online music, online radio, ระบบนำทาง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุด เกียร์แบบ Electronic Shifter กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start System กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง (สำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO) และลำโพง Infinity 10 ตำแหน่ง (สำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD)
ระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากถึง 29 รายการ อาทิ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 รวมถึงกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา และเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบตรวจสอบสถานะและควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน
GWM POER SAHAR HEV มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Sun Black, สีเทา Ayers Gray และ สีขาว Hamilton White

พิเศษสุด สำหรับผู้ที่จอง GWM POER SAHAR HEV ที่จองรถในช่วง Pre-sale และภายในงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นี้ รับส่วนลดมูลค่า 50,000 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ผ่อน 48 เดือน ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี  พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
* เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจองและส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด
** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand - Service

เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “GWM POER ถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เรือธงที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดผลิตภัณฑ์หนึ่งและมีประวัติอันยาวนาน เราเป็นแบรนด์ที่มียอดขายรถกระบะสูงที่สุดในประเทศจีนตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 1997 ต่อเนื่องยาวนานถึง 26 ปีจวบจนถึงปัจจุบัน และมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีนมากกว่า 50% มียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 2.54 ล้านคันใน 50 ประเทศ บน 4 ทวีป ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เราต้องการที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าชาวไทย เนื่องจากรถกระบะไม่ได้มีไว้แค่เพื่อการใช้งานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังเหมาะสำหรับการนำไปใช้ในด้านการพักผ่อนและการเดินทางอีกด้วย โดย GWM POER SAHAR HEV สามารถนำพาทุกคนในครอบครัวไปถึงจุดหมายด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัยตลอดเส้นทาง ซึ่งความสะดวกสบายและความปลอดภัยนี้นับว่าเป็นจุดเด่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่แตกต่างจากรถกระบะอื่น ๆ ในตลาด มอบความสะดวกสบาย หรูหรา ประณีต เพื่อการใช้ชีวิตแบบ VIP เต็มขั้น ด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่มีการผสมผสานความแข็งแกร่งและความหรูหราได้อย่างไร้ที่ติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำ และจากการขยายตัวของตลาดรถยนต์เอ็มพีวีและรถยนต์เอสยูวีในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้นำรถยนต์พลังงานใหม่ถึง 2 รุ่น 2 สไตล์ ส่งตรงจากประเทศจีนมาให้ชาวไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกกับ ‘GWM WEY 80 PHEV’ Executive Extended Edition รถยนต์เอ็มพีวีอเนกประสงค์ระดับไฮเอนด์ และ ‘GWM TANK 700 Hi4-T’ รถยนต์เอสยูวีออฟโรดขุมพลังปลั๊กอิน-ไฮบริดรุ่นเรือธง เพื่อเตรียมมอบประสบการณ์การเดินทางเพื่ออนาคตที่แตกต่าง อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราในการเป็นบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) ที่พร้อมผลักดันสังคมไทยและทั่วโลกให้ก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน"

 GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition สัมผัสประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส เคียงข้างทุกความสำเร็จ

GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition จุดสูงสุดของยนตรกรรมที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาภายใต้แนวคิด First-Class Travel ผสมผสานทั้งด้านการเดินทางและการเจรจาทางธุรกิจได้อย่างลงตัว ทะยานขึ้นสู่การเป็นยานยนต์พลังงานใหม่อเนกประสงค์ระดับไฮเอนด์ครั้งแรกของโลก ยกระดับประสบการณ์สุดวีไอพีด้วยมิติตัวรถที่กว้างขวางที่สุด ด้วยมิติตัวรถ 5,405 x 1,960 x 1,890 มิลลิเมตร

มอบความรู้สึกวีไอพีระดับเฟิร์สคลาสด้วยเบาะนั่งคู่เต็มตัวสไตล์กัปตัน (Double Full-Size Captain’s Seats) ทั้ง 3 แถว รองรับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบระบายอากาศ ระบบเบาะนวดไฟฟ้า และระบบลอยตัวในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง รองรับสรีระทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี สู่ความสบายและความผ่อนคลายตลอดทั้งเส้นทาง นอกจากความสะดวกสบายแล้ว GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition ยังมาพร้อม เพดานดวงดาว ซึ่งตกแต่งด้วยจุดแสงดวงดาวมากถึง 830 จุด ที่มีทั้งรูปแบบคงที่และรูปแบบดาวตก ระบบกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่นำเสนอกลิ่นมาให้ถึง 3 รูปแบบ สู่การเติมเต็มความสุนทรีย์ในทุกการเดินทาง อีกทั้งยังมาพร้อมกับตู้เย็นขนาดใหญ่แบบสองประตูที่ถูกออกแบบมาได้อย่างมีเอกลักษณ์กับฝาเปิดแบบที่พักแขนสำหรับเบาะนั่งแถวหน้าและแบบลิ้นชักสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง อำนวยความสะดวกสำหรับการเข้าถึงได้ทุกที่นั่ง และยังเสริมความสมบูรณ์แบบด้วยระบบเสียงสุดพรีเมียมจาก

Harman Kardon กับลำโพงจำนวน 20 ตำแหน่ง เปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นประสบการณ์เสียงระดับมาสเตอร์พีซ ยิ่งไปกว่านั้น GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทคโนโลยีไฮบริดใหม่ล่าสุด 1.5T กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ Hi4 Performance Edition ทำงานร่วมกับมอเตอร์คู่ด้านหน้าและด้านหลังที่ให้พละกำลังสูงสุด 337 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 644 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที นอกจากนี้ยังมีอัตราการใช้น้ำมันรวมตามมาตรฐาน WLTC อยู่ที่ 0.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร รวมถึงยังประหยัดน้ำมันภายใต้สภาวะที่แบตเตอรี่หมด โดยมีอัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ 7.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบนำทางอัจฉริยะ Coffee Pilot ที่มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่หลายรูปแบบ ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวก รวดเร็ว ราบรื่น ปลอดภัยขั้นสุด สู่การเป็นยนตรกรรมล้ำหน้าที่เคียงข้างทุกความสำเร็จในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง

 GWM TANK 700 Hi4-T ที่สุดของรถยนต์เอสยูวีขุมพลังปลั๊กอิน-ไฮบริดระดับเรือธง แข็งแกร่งแต่งดงาม สู่ความแตกต่างที่ลงตัว กับการผจญภัยไร้ซึ่งอุปสรรค

GWM TANK 700 Hi4-T รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยและความสะดวกสบายสูงสุดในตระกูล GWM TANK ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของนักผจญภัยสายลุยที่มองหาการใช้ชีวิตที่ลงตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง กับมิติตัวรถที่มีความกว้างขวางด้วยความยาว 5,110 มิลลิเมตร กว้าง 2,122 มิลลิเมตร และสูง 1,986 มิลลิเมตร สามารถลุยน้ำลึกได้สูงสุดถึง 970 มิลลิเมตร ลึกที่สุดในออฟโรดหรูระดับเดียวกัน

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด 3.0T V6 ซึ่งนับว่าเป็นโครงสร้างเครื่องยนต์ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมของจีน มีพละกำลังรวม 385 กิโลวัตต์ แรงบิด 800 นิวตันเมตร แรงบิดที่ล้อสูงสุด 13,000 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5 วินาที และฟังก์ชันการขับขี่ที่ให้มาถึง 12 โหมด อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบถอดเหล็กกันโคลงด้วยระบบไฟฟ้า (Disconnectable Stabilizer Bar) ควบคุมการเชื่อมต่อหรือถอดเหล็กกันโคลงได้เพียงการกดปุ่มเพียงครั้งเดียวภายในห้องโดยสาร นับเป็นครั้งแรกของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มีการติดตั้งระบบดังกล่าวในรถยนต์พลังงานใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคง ความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นในการเดินทางทุกอุปสรรค นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตหรูและแบบแอคทีฟผ่านสปริงลมและโช้คอัพแม่เหล็กไฟฟ้า (Air Springs and Electromagnetic Shock Absorbers) โดยแบบสปริงลมจะมีช่วงยุบตัวและยกตัวอยู่ที่ 50 และ 70 มิลลิเมตร ตามลำดับ และโช้คอัพแบบแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปรับการกันสะเทือนแบบเรียลไทม์ได้สูงสุดถึง 100 ครั้งต่อวินาที สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางและทุกสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อรองรับความต้องการด้านการลากจูงและไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวแบบคาราวาน GWM TANK 700 Hi4-T มาพร้อมกับอุปกรณ์ลากจูงแบบไฟฟ้า สามารถลากน้ำหนักได้สูงสุดถึง 2.5 ตัน

ด้านห้องโดยสาร ยังอัดแน่นไปด้วยความหรูหราและสะดวกสบายจากเบาะนั่งทำจากหนังกลับพร้อมไมโครไฟเบอร์คุณภาพสูง โดยเบาะด้านหน้าสามารถปรับเอนได้ถึง 156 องศา ในขณะที่เบาะด้านหลังปรับได้ถึง 141 องศา ร่วมกับห้องโดยสารเงียบสงบจากวัสดุดูดซับเสียงคุณภาพสูงที่ให้ความเงียบระดับเดียวกับอวกาศ ผนวกกับระบบเสียง Harman Kardon มาพร้อมลำโพงถึง 16 ตำแหน่ง เพิ่มความหรูหราอย่างมีระดับด้วย เพดานดวงดาว มากกว่า 1,200 จุด ที่ได้แรงบันดาลใจจากทะเลสาบเทคาโป ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามที่สุดในโลก ยกระดับประสบการณ์การเดินทางรูปแบบออฟโรดได้อย่างเหนือระดับทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยได้อย่างเป็นเอกลักษณ์

 จัดหนักโปรโมชันสุดเร้าใจสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ทุกรุ่น

รถยนต์ GWM HAVAL และ GWM TANK ทุกรุ่น พบข้อเสนอ 3 ทางเลือกสุดคุ้มค่า ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน 1. การนำรถยนต์คันเก่ามาแลกรับส่วนลดเพิ่มเติม หรือ 2. เลือกรับดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน หรือ 3. เลือกรับ ประกันภัยชั้น 1 นาน 2 ปีเต็ม (เฉพาะรุ่น GWM HAVAL H6 และ GWM HAVAL JOLION รุ่น ULTRA) พร้อมแพ็กเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง (GPSI) ยกเว้น GWM HAVAL JOLION รุ่น Sport เลือกรับส่วนลดเงินสด 40,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน หรือ การช่วยผ่อน 12 เดือน ๆ ละ 2,000 บาท รวมมูลค่าสูงสุดถึง 24,000 บาท พร้อม ฟรี ฟิล์มกรองแสง ลามิน่า รุ่น CM ONE และ ฟรี ชุดอุปกรณ์ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง

สำหรับ GWM ORA Good Cat และ GWM ORA 07 เลือกรับส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อนำรถยนต์คันเก่ามาแลก (ไม่รวมอุปกรณ์ชาร์จไฟและแพ็กเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง (GPSI)) หรือเลือกรับส่วนลดพร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน (ไม่รวมอุปกรณ์ชาร์จไฟและแพ็กเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง (GPSI)) หรือ รับส่วนลด พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟ และแพ็กเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง (GPSI) เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM

9
สร้างรายได้ ด้วยไข่เจียวหมูสับสไตล์ไทยกรอบนุ่มฟูไม่อมน้ำมัน ทำง่ายใช้วัตถุดิบน้อย

ไข่เจียวหมูสับแบบไทยหรือไข่เจียวหมูสับเป็นเมนูง่ายๆ แต่แสนอร่อยที่หาทานได้แทบทุกครัวเรือนของไทย ทำง่ายใช้วัตถุดิบน้อยและเข้ากันได้ดีกับข้าวสวย อย่างไรก็ตาม การทำไข่เจียวหมูสับกรอบฟูไม่อมน้ำมันเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน ทำง่าย ทานได้ทุกวัย เคล็ดลับที่ทำให้ไข่เจียวของคุณอร่อยสมบูรณ์แบบนี่คือวิธีทำไข่เจียวหมูสับที่สมบูรณ์แบบและง่ายดาย

วัตถุดิบ:
ไข่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
หมูสับ 50กรัม
น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็น เพื่อความนุ่มฟูยิ่งขึ้น)
น้ำเย็นหรือโซดา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดอาหาร

คำแนะนำ:
เตรียมส่วนผสมไข่
ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีให้เข้ากัน
ใส่หมูสับ น้ำปลา (หรือซีอิ๊วขาว) พริกไทยขาว น้ำมะนาว (ถ้าใช้) และน้ำเย็นหรือโซดา
ตีให้แรงเพื่อผสมอากาศเข้าไปในส่วนผสม ขั้นตอนนี้จะช่วยให้ไข่เจียวฟูขึ้นเป็นพิเศษ

ตั้งน้ำมันให้ร้อนอย่างเหมาะสม

ใช้กระทะก้นลึกหรือกระทะจีน ตั้งน้ำมันให้ร้อนจัดโดยใช้ไฟปานกลางถึงสูง น้ำมันควรร้อนพอที่จะให้ไข่เดือดปุดๆ ทันทีเมื่อคุณใส่ส่วนผสมไข่ลงไปเล็กน้อย
หากน้ำมันไม่ร้อนพอ ไข่เจียวจะดูดซับน้ำมันมากเกินไปและกลายเป็นมัน

การทอดไข่เจียว

เทส่วนผสมไข่ลงในกระทะจากที่สูงเล็กน้อยเพื่อสร้างชั้นนอกที่กรอบ
ปล่อยให้ทอดโดยไม่ต้องรบกวนประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที จากนั้นหมุนกระทะเบาๆ เพื่อให้สุกทั่วถึงกัน
เมื่อขอบเป็นสีน้ำตาลทองและกรอบ ให้พลิกไข่เจียวอย่างระมัดระวังและปรุงอีก 30 วินาที
ระบายน้ำมันส่วนเกินออก

ยกไข่เจียวออกจากกระทะแล้ววางบนกระดาษเช็ดครัวเพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก

เสิร์ฟและเพลิดเพลิน

เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลินึ่งและซอสศรีราชาหรือซอสพริกหวานสำหรับจิ้ม
เคล็ดลับสำหรับไข่เจียวที่กรอบนุ่มฟูสมบูรณ์แบบ:
✔ ใช้น้ำเย็นหรือโซดา – วิธีนี้จะช่วยให้อากาศเข้าไปในไข่ ทำให้ไข่เจียวฟูขึ้น
✔ ตีไข่ให้เข้ากัน – ยิ่งใส่อากาศเข้าไปมากเท่าไหร่ ไข่ก็จะฟูขึ้นเท่านั้น
✔ ใช้น้ำมันที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม – น้ำมันที่ร้อนจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบโดยไม่ทำให้ไข่เจียวมันเยิ้ม
✔ หลีกเลี่ยงการใส่เนื้อหมูมากเกินไป – การใส่เนื้อหมูสับมากเกินไปอาจทำให้ไข่เจียวแน่นแทนที่จะเบาและกรอบ

ไข่เจียวหมูสับไทยนี้ไม่เพียงทำง่ายและรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังน่าพอใจอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าคุณจะรีบเร่งหรืออยากทานอาหารจานโปรด จานนี้ก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ลองทำวันนี้และเพลิดเพลินกับอาหารไทยแท้ๆ ที่บ้าน

10
มอเตอร์ไซด์ใหม่ เอเจ อีวี ไบค์ AJ EV BIKE-Goddess EV-ปี 2024
N/A 

เอเจ อีวี ไบค์ AJ EV BIKE-Goddess EV-ปี 2024
AJ GODDESS โดดเด่นด้วยดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ไฟหน้า LED ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อแสดงผลแผนที่บนหน้าจอ ทั้งยังรองรับระบบการชาร์จ AC Type2 ทำให้คุณชาร์จไฟได้กับสถานีชาร์จรถยนต์ AC Type2 ทั่วประเทศ ระยะเวลาชาร์จ 60-80 นาที ความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ระยะทาง 75-80 กม.

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              AJ EV BIKE
   รุ่น                   เอเจ อีวี ไบค์ AJ EV BIKE-Goddess EV-ปี 2024
   ประเภทรถ          รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา               N/A

สเปค
   รูปแบบเกียร์       เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์         อัตโนมัติ
   รายละเอียดเครื่องยนต์       กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า HUB Motor 3,000 วัตต์
   ระบบระบายความร้อน
   ระบบสตาร์ท
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     CC
   แบบเครื่องยนต์
   ระบบจุดระเบิด
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      ไฟฟ้า
   ระบบจ่ายน้ำมัน
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      0 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน            ล้อหน้า โช้คหัวตั้ง, ล้อหลัง โช้คคู่
   ระบบเบรค                   ล้อหน้า ดิสก์เบรก (CBS), ล้อหลัง ดรัมเบรก ()
   แบบวงล้อ                   แมกซ์
   ขนาดยาง                   ล้อหน้า ขนาด 12 นิ้ว, ล้อหลัง ขนาด 12 นิ้ว
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)   1,870 x 700 x 1,180
   น้ำหนักตัวรถ                     75.00 กก.

11
จัดฟันบางนา: เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ดีอย่างไร

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะการจัดฟันแบบใสมีผลการรักษาที่มีความแม่นยำ ก็เพราะมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการรักษา ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการผลิตเครื่องมือการจัดฟัน นอกจากนี้ ในขั้นตอนการวางแผนการรักษานั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถวางแผนร่วมกับทันตแพทย์ได้ ทำให้สามารถออกแบบรอยยิ้มและแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างตรงจุด ต้องบอกว่าการจัดฟันแบบใส มีข้อดีที่หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เครื่องมือการจัดฟันแบบใสสามารถถอดออกได้ง่าย และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในช่องปาก เพราะเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลและมีความบางใส เข้ากับช่องปากได้เป็นอย่างดี ทำให้ลดการเกิดการระคายเคืองหรือบาดแผลภายในช่องปากที่อาจจะเกิดจากเครื่องมือการจัดฟันได้


ซึ่งจะแตกต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปที่สวมใส่เหล็กจัดฟัน อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองมีบาดแผล บริเวณกระพุงแก้ม ลิ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อย สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป แต่ในทางกลับกันการจัดฟันแบบใส จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ซึ่งในข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาฟันด้วยการเข้ารับการจัดฟันแบบใส

แต่สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสและอยากจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือการจัดฟันว่ามีข้อดีอย่างไร อย่างที่ทราบกันว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์จัดฟัน จะทำการออกแบบมาเฉพาะบุคคล ซึ่งในข้อนี้หลายคนคงเกิดความกังวลใจและสงสัยว่าเครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลนั้นมีดีอย่างไร แน่นอนว่า เครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล มีข้อดีมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ไม่เกิดการระคายเคือง โดยการที่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส มีความพอดีกับช่องปากของผู้เข้ารับการจัดฟัน ก็จะช่วยทำให้เครื่องมือการจัดฟัน สามารถทำงานในการเคลื่อนตัวของฟันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง การพูด เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง ทำให้พูดไม่ชัด แต่ในขณะเดียวกันการเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างแน่นอนเพราะเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้พอดีกับช่องปากของผู้เข้ารับการจัดฟัน จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันรู้สึกสบายช่องปาก สามารถพูดได้ชัดเจนและไม่ทำให้เครื่องมือการจัดฟันหลวมอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือ ข้อดีของเครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล

อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมอย่างครบวงจร มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนาน ทั้งยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการทางด้านการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล ด้วยการการันตีจากสถาบัน Invisalign ทำให้คลินิก ของเรามีความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันจากทางคลินิกของเรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติและได้รับผลการรักษาที่มีความแม่นยำ สามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

12
คอนโดใหม่ 2025: ดีคอนโด วิวิด รังสิต (dcondo vivid Rangsit)
N/A

ดีคอนโด วิวิด รังสิต (dcondo vivid Rangsit)
ดีคอนโด วิวิด รังสิต อยู่บนแสนสิริคอมมูนิตี้ ชีวิตมีแต่สีสันรอบด้าน คอนโดทำเลดีติดถนนใหญ่ ตรงข้าม ม.กรุงเทพ พร้อมรับ-ส่ง ถึงหน้ามหาลัย ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตกันตลอด 24 ชั่วโมง

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ           ดีคอนโด วิวิด รังสิต (dcondo vivid Rangsit)
 เจ้าของโครงการ      แสนสิริ
 แบรนด์ย่อย           ดีคอนโด
 ราคา                   N/A
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล               คอนโดชานเมือง
 ความสูงคอนโด            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน      ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Mega Home
Future Park
ตลาดไท
สแปล รังสิต
ตลาดสี่มุมเมือง
ม.กรุงเทพ
ม.ธรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รพ.ภัทรธนบุรี
รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
รพ.เปาโล รังสิต
สนามบินดอนเมือง

13
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หนองในเทียม (Nonspecific urethritis/NSU/Nongonococcal urethritis/NGU)

หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยรองจากหนองในและซิฟิลิส โดยจะมีอาการคล้ายหนองใน ซึ่งเกิดจากเชื้อชนิดอื่น

สาเหตุ

เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมมีได้หลายชนิด อาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัวหรือเชื้อราก็ได้ ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยโรคนี้ยังไม่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุแน่ชัด ประมาณร้อยละ 40 เกิดจากคลามีเดียทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ซึ่งเป็นแบคทีเรีย (เชื้อนี้มีพันธุ์ย่อยอีกหลายชนิด ซึ่งบางชนิดทำให้เป็นฝีมะม่วง) ประมาณร้อยละ 30 เกิดจากเชื้อยูเรียพลาสมายูเรียไลทิคัม (Ureaplasma urealyticum)

นอกนั้นอาจเกิดจากเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า ทริโคโมเเนสวาจินาลิส (Trichomanas vaginalis) เชื้อไวรัสเริม เป็นต้น

ระยะฟักตัว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่า


อาการ

ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-4 สัปดาห์ โดยมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล ซึ่งลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ ไม่เป็นหนองข้นแบบหนองใน และออกซึมเพียงเล็กน้อย ไม่ออกมากแบบหนองใน บางรายในระยะแรกอาจสังเกตมีอาการแสบที่ท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น

ถ้าให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะลงในแก้วใส แล้วใช้ไฟฉายส่องดู จะเห็นเส้นขาว ๆ คล้ายเส้นด้ายลอยอยู่

ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการอาจเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี

ในผู้หญิง ส่วนมากมักไม่มีอาการแสดง ส่วนน้อยอาจมีอาการตกขาว (ตรวจอาการตกขาว/คันในช่องคลอด)


ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ชาย อาจทำให้ท่อปัสสาวะตีบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ

ในผู้หญิง อาจทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ เป็นหมัน

นอกจากนี้ ทั้งสองเพศอาจทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบได้ แต่พบได้น้อยมาก

บางรายอาจเกิดกลุ่มอาการไรเตอร์ (Reiter’s syndrome) ซึ่งจะมีอาการหนองไหลจากท่อปัสสาวะร่วมกับข้ออักเสบและเยื่อตาขาวอักเสบ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ซึ่งลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการนำหนองไปย้อมสี และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือนำไปเพาะเชื้อ

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะขนานใดขนานหนึ่ง เช่น

    ดอกซีไซคลีน กินครั้งละ 100 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
    เตตราไซคลีน กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
    อีริโทรไมซิน กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
    ร็อกซิโทรไมซิน กินครั้งละ 150 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
    อะซิโทรไมซิน 1 กรัม กินครั้งเดียว
    ไมโนไมซิน (minomycin ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเตตราไซคลีน) กินครั้งละ 100 มก. วันละครั้ง นาน 14 วัน


สำหรับหญิงตั้งครรภ์ แพทย์จะหลีกเลี่ยงกลุ่มยาเตตราไซคลีน (ได้แก่ ดอกซีไซคลีน เตตราไซคลีน ไมโนไมซิน)

ผลการรักษา หลังให้ยาปฏิชีวนะ มักจะหายเป็นปกติได้ใน 1-2 สัปดาห์

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหนองในเทียม ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดดื่มเหล้า และงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหาย


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ถ้าจะหลับนอนกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัย และฟอกล้างสบู่ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรเจาะเลือดตรวจวีดีอาร์แอลและเชื้อเอชไอวี (เลือดบวก) ตั้งแต่ก่อนรักษาครั้งหนึ่ง และอีก 3 เดือนต่อมาตรวจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ติดโรคซิฟิลิสหรือเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย

2. โรคหนองในเทียมอาจเป็นเรื้อรังและรักษายากกว่าหนองใน เนื่องจากส่วนใหญ่จะตรวจไม่พบเชื้อที่เป็นสาเหตุ แต่โรคหนองในเทียมที่เกิดจากเชื้อคลามีเดียมีทางรักษาให้หายขาดได้ภายใน 14 วัน ในรายที่ไม่ได้รับการรักษาร้อยละ 20-30 อาจหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ และร้อยละ 60 จะหายได้ภายใน 8 สัปดาห์

3. ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นหนองในเทียมจากเชื้อคลามีเดียอาจได้รับเชื้อระหว่างคลอด ทำให้เกิดอาการตาอักเสบหลังคลอดประมาณ 5-14 วัน แต่อาการมักจะรุนแรงน้อยกว่าตาอักเสบจากเชื้อหนองใน การรักษาให้ใช้ยาป้ายตาเตตราไซคลีน ป้ายวันละ 4 ครั้ง และให้อีริโทรไมซินในขนาด 30 มก./กก./วัน นาน 21 วัน

4. ควรแนะนำให้ผู้สัมผัสโรคไปตรวจรักษาโรคนี้พร้อม ๆ กันไปด้วย

14
คอนโดติดรถไฟฟ้า เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences)
เริ่มต้น 12.9 ลบ. - 20 ลบ. 

เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences)
คอนโดหรู High-Rise โครงการใหม่ บนทำเลพรีเมียม ติดถนนใหญ่พระราม 4 ใกล้ MRT ลุมพินี ใช้ชีวิตเหนือระดับ ท่ามกลางสังคมคุณภาพใจกลางเมือง สะดวกทุกการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences)
 เจ้าของโครงการ           สถาพร เอสเตท
 ราคา                        เริ่มต้น 12.9 ลบ. - 20 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล              คอนโดในเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด            High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, Penthouse
 ขนาดห้องที่มี             ตั้งแต่ 25.30 ถึง 118.70 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด             1 ไร่ 67 ตร.ว.
 จำนวนตึก                 1 อาคาร
 จำนวนชั้น                 32 ชั้น
 จำนวนห้อง               183 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, อื่นๆ (Starry Night Rooftop Riverview, Crystal Lounge), สวนหย่อม, ห้องประชุม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        สาทร, พระราม 3, พระราม 4, ยานนาวา
 ที่ตั้ง        ถนนพระรามที่ 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10500

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:          ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(คลองเตย), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(ลุมพินี)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
สวนเบญจกิติ
สวนลุมพินี

15
ฟันลักษณะไหน ควรจัดฟันเด็ก EF Line

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ยิ่งในกลุ่มเด็กเล็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว การติดดูดขวดนม ก็จะส่งผลต่อการขึ้นของฟัน และอาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันได้ ซึ่งการจัดฟัน EF Line ในเด็ก ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาฟันที่มีประสิทธิภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับโครงหน้าของเด็ก สามารถแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น และยังช่วยปรับรูปของกระดูกขากรรไกร และใบหน้า เนื่องจากเด็กวัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงยังสามารถปรับและแก้ไขโครงสร้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากให้ลูกน้อยของท่านมีฟันที่สวยงามตั้งแต่ยังเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟัน EF Line ได้ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะศึกษาเกี่ยวรายละเอียดของการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ เพราะหลายคนยังคิดว่า การจัดฟัน EF Line ยังไม่มีความจำเป็น เพราะฟันของลูกน้อยยังเป็นฟันน้ำนมอยู่ แต่หารู้ไม่ว่า ฟันน้ำนมนั้นก็มีความสำคัญมาก เพราะฟันน้ำนมส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และการที่เราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยของเรานั้นก็เป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของลักษณะฟันของเด็ก ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะพาลูกน้อยของท่านเข้ารับการตรวจเพื่อเข้ารับการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะให้ลูกน้อยของเรา มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีรอยยิ้มที่สดใส

สำหรับการจัดฟัน EF Line เป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือการจัดฟันเป็นลักษณะชิ้นยางที่มีหลากหลายสี ซึ่งใช้ในการปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็ก ปรับตำแหน่งลิ้น ปรับรูปของขากรรไกร ซึ่งลักษณะของเด็กที่ควรเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็คือ เด็กที่มีลักษณะฟันยื่น เด็กที่ฟันล่างคร่อมฟันบน เด็กที่ฟันสบกันไม่ปกติ รวมทั้งเด็กที่มีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า นอกจากนี้การจัดฟัน EF Line ยังสามารถทำได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4-15 ปี ซึ่งเรียกได้ว่า การจัดฟัน EF line เป็นนวัตกรรมการจัดฟันรูปแบบใหม่ ด้วยกระบวนการจัดฟัน โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกใบหน้าและให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงามมากยิ่งขึ้น


แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครอง จะตัดสินใจให้ลูกน้อยเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อที่ลูกน้อยของเราจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัย และผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากและฟัน ยิ่งเด็กเล็ก ก็ควรที่จะหัดให้ลูกรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง บอกถึงการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ดี เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพราะเด็กในวัยนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเรียนรู้ ดังนั้น การสร้างทัศนคติที่ดี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ก่อนพาลูกน้อยของท่านไปพบทันตแพทย์


ทั้งนี้ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากที่ดี รวมไปถึง เด็กเล็กที่อยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ เพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี นอกจากนี้ การจัดฟันในเด็กนั้น ก็ยังเป็นการจัดฟันที่ได้ผลที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าการจัดฟันตอนโต เพราะการที่เรารู้จักดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะส่งผลให้เราเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากให้ลูกน้อยของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟัน EF Line ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน ทางเรามีเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัย จึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่า ลูกน้อยของท่านจะได้รับการรักษาที่มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

หน้า: [1] 2 3 ... 52