แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - bambybiby

หน้า: [1]
1
ฟิลเลอร์ใต้ตา VS ผ่าตัดถุงใต้ตา: เลือกวิธีไหนดี?
ปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย มีถุงใต้ตา หรือร่องลึกทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย เป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ซึ่งสามารถแก้ไขได้ทั้งการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและ การผ่าตัดถุงใต้ตา แต่วิธีไหนที่เหมาะกับคุณมากกว่ากัน? มาดูการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองวิธี เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดความหมองคล้ำ แก้ปัญหาเบ้าตาลึก ใต้ตาโหล ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูสดใสขึ้น วิธีนี้ได้รับความนิยมเพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลเร็ว

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ไม่ต้องผ่าตัด – ไม่มีแผล ไม่มีรอยเย็บ ลดความเสี่ยงเรื่องแผลเป็น
  • ใช้เวลาทำหัตถการไม่นาน – ฉีดเสร็จใน 15-30 นาที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
  • เห็นผลทันที – หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังทำทันที และอาการบวมมักจะหายไปภายใน 2-3 วัน
  • สามารถปรับแต่งได้ – หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้โดยไม่ต้องรอให้หมดอายุ

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร – ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ อายุเฉลี่ยของฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ที่ 6-12 เดือน และสามารถอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ยี่ห้อของฟิลเลอร์ และการดูแลหลังฉีด
  • อาจเกิดผลข้างเคียงได้ – หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเสี่ยงต่อการฉีดผิดตำแหน่ง หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

การผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นวิธีศัลยกรรมที่ช่วยกำจัดถุงไขมันส่วนเกิน และแก้ไขผิวหนังหย่อนคล้อยใต้ตาอย่างถาวร เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาชัดเจน และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานหลายปี

ข้อดีของการผ่าตัดถุงใต้ตา
  • ผลลัพธ์ถาวร – แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างถาวร หรืออยู่ได้นานหลายปี
  • ช่วยปรับโครงสร้างใต้ตาให้ดีขึ้น – ไม่เพียงแค่ลดถุงใต้ตา แต่ยังช่วยให้ใต้ตาดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น

ข้อเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตา
  • ต้องเข้ารับการผ่าตัด – ต้องมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบในบางกรณี และมีแผลผ่าตัด
  • ต้องใช้เวลาพักฟื้น – โดยปกติจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ และต้องหลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วงแรก
  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า – การผ่าตัดถุงใต้ตามีราคาสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อป้องกันปัญหาหลังผ่าตัด

เปรียบเทียบชัด ๆ ฟิลเลอร์ใต้ตา vs ผ่าตัดถุงใต้ตา
วิธีการทำ
  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูอิ่มฟูและสดใสขึ้น
  • ผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดเอาถุงไขมันส่วนเกินออก และกระชับผิวหนังใต้ตาเพื่อให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด ผิวใต้ตาจะดูเต็มขึ้น และรอยหมองคล้ำจางลง แต่ฟิลเลอร์จะสลายไปตามธรรมชาติในระยะเวลา 6-12 เดือน และสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 12-18 เดือน
  • ผ่าตัดถุงใต้ตา ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานหลายปี เพราะเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินออกอย่างถาวร

ระยะเวลาทำและการพักฟื้น
  • ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาฉีดเพียง 15-30 นาที และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เลย
  • ผ่าตัดถุงใต้ตา ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และต้องพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิท

ค่าใช้จ่าย
  • ฟิลเลอร์ใต้ตามีราคาประมาณ 10,000 - 30,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์และคลินิกที่เลือก
  • ผ่าตัดถุงใต้ตา มีราคาสูงกว่า โดยเริ่มต้นประมาณ 30,000 - 80,000 บาท เนื่องจากเป็นการรักษาที่ต้องใช้ศัลยแพทย์เฉพาะทาง

ใครเหมาะกับการรักษาวิธีไหน?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • คนที่มีร่องลึกใต้ตา เบ้าตาลึก ใต้ตาโหล หรือใต้ตาดูโทรมจากการสูญเสียไขมันใต้ผิว
  • คนที่ต้องการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องพักฟื้น

การผ่าตัดถุงใต้ตา
  • คนที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยมาก
  • คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร และไม่อยากฉีดฟิลเลอร์ซ้ำบ่อย ๆ
  • คนที่มีเวลาพักฟื้น และพร้อมสำหรับการดูแลแผลหลังผ่าตัด

ควรเลือกวิธีไหนดีระหว่างฟิลเลอร์ใต้ตา VS ผ่าตัดถุงใต้ตา?
  • หากปัญหาหลักคือ ร่องลึกใต้ตา เบ้าตาลึก ใต้ตาโหล หรือใต้ตามีความหมองคล้ำ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นตัวเลือกที่สะดวกและเห็นผลเร็ว
  • หากมี ถุงใต้ตาขนาดใหญ่หรือผิวหย่อนคล้อยมาก การ ผ่าตัดถุงใต้ตา จะให้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า

ก่อนตัดสินใจ ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจประเมิน และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณมากที่สุด

2
Filler ใต้ตาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2025 เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลทันทีในการปรับปรุงความสดใสของดวงตา หลายคนที่มีปัญหาคล้ำใต้ตาหรือถุงใต้ตา มักหันมาหาการทำฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาดังกล่าว การเลือกฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดสามารถช่วยให้คุณกลับมามีใบหน้าที่ดูสดใส อ่อนเยาว์ และมีความมั่นใจมากขึ้น

ข้อดีของ Filler ใต้ตาแต่ละประเภทที่ได้รับความนิยมในปี 2025
ในปี 2025 มีฟิลเลอร์หลายประเภทที่ได้รับความนิยม โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและข้อดีที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวใต้ตาของแต่ละคน


1. ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA)
  • ข้อดี : ฟิลเลอร์ชนิดนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจาก Hyaluronic Acid เป็นสารที่ร่างกายสามารถสลายได้เอง จึงไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่มีรอยคล้ำ หรือริ้วรอยบาง ๆ ช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียนและให้ความชุ่มชื้น
  • เหมาะกับ : ผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตา หรือผิวแห้งกร้านที่ต้องการความชุ่มชื้น

2. ฟิลเลอร์ประเภท Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
  • ข้อดี : ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะช่วยเพิ่มมิติให้กับบริเวณใต้ตาและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น เหมาะสำหรับการปรับรูปทรงใต้ตาและยกกระชับ
  • เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการยกกระชับและเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่มีความหย่อนคล้อย

3. ฟิลเลอร์ประเภท Poly-L-lactic Acid (PLLA)
  • ข้อดี : ฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มพื้นที่ใต้ตา แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ฟิลเลอร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและการฟื้นฟูที่ยั่งยืน
  • เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวใต้ตาที่สูญเสียความยืดหยุ่น

วิธีเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน
การเลือกฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่แต่ละคนประสบอยู่ โดยสามารถพิจารณาตามประเภทฟิลเลอร์ดังนี้:
  • หากคุณมีรอยคล้ำใต้ตา : ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) เหมาะที่สุด เพราะมันสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตาและลดความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หากคุณมีถุงใต้ตา : ฟิลเลอร์ประเภท Calcium Hydroxylapatite (CaHA) จะช่วยยกกระชับผิวใต้ตาและลดความหย่อนคล้อย โดยเพิ่มมิติให้กับบริเวณใต้ตา
  • หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน : ฟิลเลอร์ประเภท Poly-L-lactic Acid (PLLA) จะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ ฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้คุณเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณได้ดีที่สุด

วิธีการทำและการดูแลหลังการทำ Filler ใต้ตา
การทำ Filler ใต้ตาจะเริ่มจากการปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เมื่อเลือกฟิลเลอร์ได้แล้ว แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ลงในบริเวณที่ต้องการ โดยใช้เข็มขนาดเล็กที่มีความแม่นยำเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรือทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก

การดูแลหลังการทำ Filler ใต้ตา
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ทำฟิลเลอร์ ในระยะ 24 ชั่วโมงแรก
2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ที่อาจทำให้เกิดการบวมบริเวณที่ทำฟิลเลอร์
3. ทาครีมบำรุง ที่แพทย์แนะนำเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้นและทำให้ผิวดูดีขึ้น
4. รักษาความสะอาด ของผิวใต้ตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

หลังการทำฟิลเลอร์ ผู้ที่เข้ารับการรักษาจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยผิวใต้ตาจะดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น การดูแลรักษาผิวและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและคงทนยาวนาน

สรุป
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดีที่สุดในปี 2025 ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างเห็นผลทันที  Filler ใต้ตาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงและทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติค่ะ



3
พฤติกรรมที่ควรตรวจสุขภาพเพื่อฟื้นฟูร่างกายตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย

การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ และยิ่งเป็นการตรวจสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย(embed link : )แล้ว ยิ่งช่วยให้เราเข้าใจร่างกายของตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะมีพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่บ่งบอกว่าเราควรไปตรวจสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย มาดูกันเลยค่ะ


สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณควรไปตรวจสุขภาพ

  • ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง : รู้สึกเหนื่อยล้าไม่มีสาเหตุ แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว
  • นอนไม่หลับ : มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ นอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง
  • อารมณ์แปรปรวน :รู้สึกหงุดหงิด เครียด กังวล หรือซึมเศร้าบ่อยครั้ง
  • ปวดเมื่อยเรื้อรัง :มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อ กล้ามเนื้อ หรือกระดูก
  • ระบบขับถ่ายผิดปกติ : ท้องผูก ท้องเสีย หรือมีอาการปวดท้องบ่อยครั้ง
  • ผิวพรรณเปลี่ยนแปลง :ผิวแห้งกร้าน ผมร่วง เล็บเปราะ
  • น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว : น้ำหนักลดหรือน้ำหนักเพิ่มโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
  • ความจำเสื่อม : ลืมบ่อย สมาธิสั้น
  • ความต้องการทางเพศลดลง :ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
  • ภาวะภูมิแพ้กำเริบ :มีอาการภูมิแพ้บ่อยขึ้น เช่น ผื่นคัน น้ำมูกไหล

เหตุผลที่ควรตรวจสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย
  • ค้นหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพ :การตรวจสุขภาพจะช่วยให้คุณทราบสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่คุณกำลังเผชิญอยู่
  • วางแผนการรักษาที่ตรงจุด : เมื่อทราบสาเหตุของปัญหาแล้ว แพทย์จะสามารถวางแผนการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพได้
  • ป้องกันโรคเรื้อรัง :การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้คุณตรวจพบโรคต่างๆ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้การรักษาง่ายขึ้นและมีโอกาสหายขาดได้มากขึ้น
  • ชะลอความเสื่อมของร่างกาย :การตรวจสุขภาพจะช่วยให้คุณทราบถึงสภาวะสุขภาพของร่างกายในปัจจุบัน และวางแผนการดูแลสุขภาพเพื่อชะลอความเสื่อมของร่างกายได้
  • เพิ่มคุณภาพชีวิต :การมีสุขภาพที่ดีจะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

การตรวจสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัยครอบคลุมอะไรบ้าง

  • การตรวจเลือด : ตรวจวัดระดับฮอร์โมน วิตามิน แร่ธาตุ ไขมันในเลือด ฯลฯ
  • การตรวจปัสสาวะ :ตรวจหาความผิดปกติของไตและทางเดินปัสสาวะ
  • การตรวจอุจจาระ :ตรวจหาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ :ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินสุขภาพของหัวใจ
  • การตรวจอัลตร้าซาวด์ : ตรวจอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ม้าม ตับอ่อน ถุงน้ำดี
  • การตรวจเอกซเรย์ :ตรวจหาความผิดปกติของกระดูกและอวัยวะภายใน
  • การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก : เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
  • การตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย :เพื่อประเมินมวลกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกาย
  • การตรวจวัดความยาวของเทโลเมียร์ :เพื่อประเมินอายุทางชีวภาพ


หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


4
เปลี่ยนปัญหาสิวให้เป็นเรื่องสิวสิวด้วยโฟมล้างหน้าลดสิว

หลายคนคงเจอปัญหาล้างหน้ายังไง ล้างเท่าไหร่ก็ยังมีสิวผุด ขนาดว่าไม่ใช่คนแต่งหน้าหนา เทียบกับดาราที่เขาแต่งหน้ากันจัดเต็ม ทางเรา ๆ นี่แทบจะเป็น natural look แต่ก็ไม่รู้ทำไมล้างหน้าเท่าไหร่ ก็ยังไม่สะอาดหมดจด จนเป็นตัวการสารตั้งต้นทำให้เกิดสิวตลอด ก็อาจจะเป็นเพราะเรายังไม่ได้เจอกับตัวช่วยที่เป็นที่สุดของการล้างหน้าให้สะอาดเอี่ยมอ่องก็ได้ วันนี้เลยจะขอมาแนะนำโฟมล้างหน้าที่เกิดมาเพื่อลดสิวบนใบหน้าพวกเราโดยเฉพาะ จะมีตัวไหนแนะนำบ้างมาดูกันได้เลย

แนะนำตัวแรกกันก่อน คือ การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท แอนตี้-แอคเน่ คลีนซิ่ง โฟมล้างหน้าลดสิว ตัวดังจากการ์นิเย่ ขวัญใจสาว ๆ ที่มีผิวผูกติดอยู่กับสิวแบบสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แต่ตัวนี้จะเข้ามาช่วยปลดล็อกความสะอาดให้เคลียร์ กำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.99% เรียกได้ว่าแค่ล้างหน้าด้วยโฟมตัวนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็จะได้รู้สึกถึงความหมดจดที่แท้จริงกันเลยทีเดียว ตัวนี้มีคุณสมบัติเด่นเรื่องจัดการปัญหาสิวและลดการอักเสบ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องบำรุงจากส่วนผสมวิตามินซี ทำให้นอกจากผิวจะสะอาดแล้ว ก็ยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำจากสิวเก่า ๆ ที่สะสมมาก่อนหน้า แล้วก็ช่วยทำให้ผิวดูไบร์ทกระจ่างใสขึ้นด้วย เปลี่ยนผิวสิวให้เป็นผิวสวยได้ครบจบในหลอดเดียวเลย

แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองผิวบอบบาง แพ้ง่าย ค่อนข้างกังวล ก็ขอแนะนำเป็น เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ โฟมล้างหน้าลดสิวของเซราวีที่ขึ้นป๊อปปูลาร์ในหมู่ผิวคนแพ้ง่ายสุด ๆ ตัวนี้เป็นโฟมเจลล้างหน้าสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน ที่ล้างแล้วก็ยังช่วยคงความสมดุลความชุ่มชื้นของผิวไว้ รักษาปราการปกป้องผิวตามธรรมชาติได้อย่างดี แถมยังมีส่วนผสมอย่าง เซราไมด์ ไฮยาลูโรนิค แอซิด และไนอาซินาไมด์ ที่ช่วยเสริมปราการปกป้องผิว ดูดซับความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิวด้วย ล้างไปแล้วหน้าสะอาดหมดจดแต่ไม่แห้งไม่ตึง พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนัง พูดแค่นี้ก็การันตีได้เลยว่าจะเป็นโฟมที่อ่อนโยนกับผิวสวย ๆ ของเราแน่นอน

โดยหลักการใช้โฟมล้างหน้า ก็อย่างที่ทุกคนรู้เนอะ หลังจากเช็ดเครื่องสำอางเสร็จแล้วก็บีบตัวโฟมมานวดที่ใบหน้าเบา ๆ จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด แล้วค่อยซับหน้าเบา ๆ ให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วอย่าไปถูแรงเชียวนะเดี๋ยวหน้าสวย ๆ จะเสียโฉมไปซะหมด แค่นี้เราก็จะล้างหน้าได้สะอาดหมดจด ไม่เหลือคราบสกปรกที่ก่อให้เกิดสิวแล้ว อย่าลืมเลือกโฟมล้างหน้า 2 ตัวนี้มาลองใช้ดู แล้วจะรู้ว่าความสะอาดแบบสบายผิวมันเป็นยังไง


5
ป้ายยา 3 สกินแคร์ตัวดัง เตรียมบอกลาจุดด่างดำและริ้วรอย

เมื่อพูดถึงการดูแลผิวหน้าเพื่อจัดการกับปัญหาจุดด่างดำและริ้วรอย สาว ๆ หลายคนคงตามหาสกินแคร์ที่ได้ผลและช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นไปพร้อม ๆ กัน ถ้าคุณกำลังเจอปัญหาผิวแบบนี้และอยากลองอะไรใหม่ ๆ วันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ 3 ตัวเด็ดมาแนะนำ ที่ไม่เพียงช่วยลดจุดด่างดำและริ้วรอย แต่ยังช่วยบำรุงผิวแห้งของคุณให้นุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย

เริ่มกันที่ตัวแรก Kiehl's Retinol Fast Release Wrinkle-Reducing Night Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมของ เรตินอล ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรตินอลเป็นส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับในวงการสกินแคร์ว่าเป็นหนึ่งในสารที่มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น

เซรั่มตัวนี้ของ Kiehl's ไม่เพียงแต่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง การใช้เซรั่มนี้ก่อนนอนจะช่วยให้ผิวของคุณดูสดใสและเรียบเนียนขึ้นในตอนเช้า และยังช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นเมื่อใช้เป็นประจำ


สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหา จุดด่างดำ และต้องการผิวหน้าที่ดูสว่างใส Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจมาก ๆ เซรั่มตัวนี้มีส่วนผสมของ Activated C ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง นอกจากนี้ยังมี White Birch และ Peony Extract ที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น

สิ่งที่ทำให้เซรั่มตัวนี้โดดเด่นคือความอ่อนโยนต่อผิว แม้สาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการระคายเคือง และที่สำคัญ เซรั่มตัวนี้ยังช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง การใช้เซรั่มนี้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวหน้าดูใสขึ้น และลดเลือนจุดด่างดำที่กวนใจ


สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด L'Oréal Paris Revitalift Pro Retinol Serum เป็น เซรั่มลดริ้วรอย ที่ผสานคุณสมบัติการลดริ้วรอยด้วยพลังของ Pro Retinol ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยลดเลือนริ้วรอยที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซรั่มตัวนี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดเลือนริ้วรอย แต่ยังมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวของคุณดูสดใสและเนียนนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง การใช้เซรั่มนี้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมทั้งป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต






6
ออกทริปไม่หนักกระเป๋า สวยด้วยไอเท็มลับขนาดพกพา


ใกล้จะเข้าหน้าท่องเที่ยวทีไร หลายคนก็ต้องหนักใจกับพื้นที่กระเป๋าทุกที เพราะถ้าจะให้ยัดสกินแคร์แถมด้วยอุปกรณ์เมคอัพทั้งหมดไปเที่ยวด้วยกัน ก็คงไม่ต่างอะไรกับแบกบ้านไปทั้งหลัง ยิ่งถ้าขึ้นเครื่องแล้วต้องคิดน้ำหนักกระเป๋าก็บอกเลยว่าไม่คุ้มแน่ ๆ แต่ก็ไม่ต้องกังวลกันไปนะ เพราะวันนี้เราจะมาป้ายยาครีมและเมคอัพขนาดจิ๋ว พกพาง่าย แต่ยังให้ความสวยปังเหมือนขนาดปกติเป๊ะเลย


เริ่มกันที่ขั้นตอนการบำรุงหน้าทั้งเช้าและก่อนนอน เราก็มี ครีมซองเซเว่น ของ Garnier ที่มีให้เลือกหลากหลาย แก้ปัญหาได้จบครบทุกสภาพผิวหน้า ที่แนะนำเลย คือ การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท วิตามินซี^ เซรั่ม ครีม เซรั่มเนื้อบางเบา ซึมซาบไวที่มีวิตามินซีเข้มข้น ช่วยบูสต์ผิวให้กระจ่างใส และแก้ปัญหาจุดด่างดำได้เร็ว เผยผิวหน้าสุดไบรท์ ถ่ายรูปได้แบบออร่าจัดเต็มตลอดทริป ส่วนอีกอันที่ขาดไม่ได้เลย คือ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ++++  ที่เป็นครีมกันแดดเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว พร้อมปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้เต็มประสิทธิภาพ แบบไม่ต้องคอยกลัวแดดจนเที่ยวไม่สนุก


บำรุงเสร็จแล้วก็แต่งหน้าได้ สำหรับขั้นตอนนี้ก็ขอแนะนำเป็น รองพื้นเซเว่น จากแบรนด์ดังอย่างเมย์เบลลีน นิวยอร์ก ที่กำลังมีไอเท็มฮิต คือ ฟิตมี แมท พอร์เลส ฟาวเดชั่น ซึ่งมีทั้งแบบขวดและแบบพกพา ฟินิชลุคออกมาเป็นเนื้อแมท บางเบา สบายผิว เป็นธรรมชาติ แต่ก็ให้การปกปิดที่เหนือชั้น แถมยังคุมมัน กันแดด ปลอดภัย ไม่อุดตันผิวด้วย สำหรับขนาดซองจะมีให้เลือก 3 เฉดสีครอบคลุมทุกโทนผิวของคนไทย ใคร ๆ ก็เลือกซื้อให้ฟิตกับสีผิวตัวเองได้ตามต้องการ


นอกจากรองพื้นแล้วเมย์เบลลีนเขายังมี เครื่องสำอาง แบบซองให้พกพากันง่าย ๆ เอาใส่กระเป๋าไปเติมหน้าได้ตลอดวัน ทั้งลิปสติกรุ่นฮิตอย่างเซนเซชั่นแนล ลิควิด แมท ลิปจุ่มแบบซองที่มาพร้อม 4 โทนสีที่เลือกมาแล้วว่าเข้าได้กับทุกคนและใช้ได้ทุกวัน ไหนจะมาสคาร่าตัวดัง เมย์เบลลีน นิวยอร์ก ไฮเปอร์เคิร์ล ที่พร้อมมางัดขนตาให้งอนหนายาว ๆ 48 ชั่วโมง แถมยังกันน้ำกันเหงื่อ แบบไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟเมคอัพก็ไม่มีหลุด จริง ๆ แค่ 3 ไอเท็มหลักนี้ ก็เนรมิตลุคสวย ๆ พร้อมออกไปเที่ยวชิล ๆ กันได้แล้ว

ทีนี้ก็หมดปัญหากังวลใจ เหลือพื้นที่กระเป๋าไว้พกชุดสวย ๆ ไปถ่ายรูปออกทริปเพียบ แถมไม่ต้องแบกอะไรเยอะแยะให้วุ่นวาย บอกเลยว่าทริปนี้สวยเป๊ะปังแน่นอน


7
รวมกันแดดตัวเด็ดที่ตัวแม่ต้องมีไว้ครอบครอง :-*

ทางนี้เลยค่า ใครกำลังตามหากันแดดที่จริงใจ ไม่แห้งไม่ลอก ต้องที่นี่เลยค่ารวมไว้ให้แล้ว พร้อมท้าแดดทุกฤดู แถมใครสายเดินทาง สะดวกแน่นอนเพราะมีในรูปแบบซองให้เลือกใช้ แสงแดดอันตรายกว่าที่เราคิดมากนอกจากเรื่องการทำร้ายผิว และก่อให้เกิดฝ้าแล้วนั้น ยังทำให้ผิวหน้าเราหมองไม่กระจ่างใสอีกด้วย เพราะงั้นทุกครั้งก่อนออกจากบ้านอย่าลืมนึกถึงกันแดดกันนะคะ ไปดูกันเลยค่าว่ากันแดดตัวไหนจะถูกใจจนต้องไปตำบ้าง

ที่สุดของครีมกันแดดกับสูตร ไบรท์ แอนด์ เคลียร์ จาก ลอริอัล ที่ห้ามพลาด บอกเลยค่ะว่าเป็นกันแดด https://www.loreal-paris.co.th/uv-defender/uv-defender-brightandclear หน้าเด็ก ชะลอความแก่ เนื้อครีมขาวที่เกลี่ยง่าย เกลี่ยไว เต็มไปด้วยความชุ่มชื้น ซึมเร็วแบบที่ไม่รู้สึกว่าเหนียว ตัวช่วยที่เพิ่มความไบรท์ ความสว่างขึ้นอีกระดับ ตอบโจทย์คนอยากหน้าไบรท์สุด ๆ พกพาไปไหนก็สะดวกมาก ๆ เลย ขวดเล็กกระทัดรัด สามารถเติมได้ตลอดทั้งวัน พกขึ้นเครื่อง ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปกับเราได้ทุกที่ ที่สำคัญตัวนี้มีความพิเศษที่มีคุณสมบัติช่วยลดการยึดเกาะของมลภาวะ ช่วยปกป้องผิวจากฝุ่นและมลภาวะ รวมถึง PM 2.5 ด้วยนะ แถมให้ความชุ่มชื้นยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเลยด้วย

กู้ผิวหน้าด้วยกันแดด 7-11 https://www.garnier.co.th/female-skincare/sun-protection จากแบรนด์ดังที่มาในรูปแบบซอง ต้องบอกเลยค่ะว่ากันแดดจากการ์นิเย่มีหลายสูตรมาก ๆ ทุกสูตรมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันและเริดไม่แพ้กันเลยค่ะ โดยเฉพาะสูตรนี้ที่น่าจับตามองกับสูตร skin naturals sakura with super UV SPF 50+ / PA+++ pink sunscreen ผสมวิตามินบี 3 ครีมกันแดดปรับสีผิวให้ขาวอมชมพูดั่งดอกซากุระ เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย หอมอ่อน ๆ ทาแล้วหน้าไม่ดรอประหว่างวัน ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ พร้อมเผยผิวใสอมชมพูตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยค่ะ ปริมาณคุ้มค่าคุ้มราคาสุด ๆ ราคาดีมาก นักเรียน นักศึกษาเอื้อมถึงแน่นอน เพียงแค่ 25 บาทเท่านั้น ใครไม่มีไม่ได้แล้วน้า สูตรนี้ฮิตสุด ๆ ครีมกันแดดของเหล่าอินฟลู

ครีมกันแดดหน้า https://www.larocheposay-th.com/articles/how-to-use-sunscreen-to-effective สุดเลื่องลือ ตัวดังในตำนาน ไม่รบกวนเมคอัพ จาก Laroche-posay มาพร้อม UVMUNE400 คุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ ความพิเศษของตัวนี้อยู่ตรงที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว เนื้อบางเบาเป็นเซรั่มแบบเนื้อน้ำ ทาแล้วหายกลืนไปกับผิวเลย เกลี่ยง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ให้งานผิวแบบลูกคุณ ที่สำคัญตัวนี้ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน เป็นกันแดดที่เหมือนเกราะป้องกันเพราะสามารถป้องกันแสงแดด SPF 50+++ UVB&UVA ไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำ บอกเลยค่ะว่าใครยังไม่มี ยังไม่ได้ลองต้องไปหาซื้อกันแล้วนะ คุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคากับผลลัพธ์ที่ได้มาก เพราะกันแดดจากแบรนด์นี้ได้ทำการวิจัยมาแล้วว่า การใส่ Mexoryl SX, Memoryl XL และ Tinosorb ทั้งสามตัวนี้รวมกันทำให้มีความเสถียรในการกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

8
ขจัดทุกปัญหาผมกวนใจ ทั้งร่วงทั้งบางเอาอยู่หมด ;)

ปังมากไม่ไหว เจอแล้วนวัตกรรมช่วยกู้คนผมบาง ผมร่วง ที่มาในสูตรแชมพูและเซรั่ม ใช่คู่กันแล้วเผยผลลัพธ์สุดจึ้ง เป็น 2 ตัวจากแบรนด์ Vichy ที่ส่งเสริมกันดีมาก ยิ่งใช้ต่อเนื่องลดปัญหาผมบาง ผมร่วง แล้วยังเสริมให้ผมแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ ใครผมเสียจากการทำสี และใช้ความร้อนจนผมหลุดร่วง บอกเลยว่าได้ลองใช้แล้วจะเลิฟมาก กู้ผมสุด ๆ ใครกำลังตามหาหรือลังเลอยู่มาถูกที่แล้วค่า เพราะรวมรีวิวของ 2 ตัวนี้ไว้ให้แล้ว สร้างฟาร์มผมได้ง่าย ๆ ห้ามพลาดเลยค่ะ

เซรั่มผมบาง https://www.vichy-th.com/expert-advice/acne/hair-loss จาก Vichy สูตร DERCOS AMINEXIL CLINICAL 5 SERUM  ที่อยู่เบื้องหลังฟาร์มผม ใช้คู่กับแชมพูคือเห็นผลลัพธ์เกินคาด ตัวนี้เป็นเซรั่ม 5 มิติที่เข้าจัดการแก้ปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้อย่างล้ำลึกและตรงจุด ทั้ง ลด ฟื้นบำรุง เสริมความแข็งแรงให้กับหนังศรีษะและเส้นผม ใครผมบางวางใจให้กับเซรั่มตัวนี้เลยค่ะ เพราะการันตีพิสูจน์ผลลัพธ์จากทางคลินิคแล้วว่าหลังใช้ภายใน 3 สัปดาห์ รู้สึกได้ว่าผมขาดหลุดล่วงน้อยลงมาก และช่วยลดการขาดหลุดล่วงได้ใน 6 สัปดาห์ สำหรับใครแพ้ง่ายหมดห่วงเลยค่ะ เพราะตัวนี้เป็นสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง มี สูตร Silicone Free• สูตร Paraben Free• สูตร Colorant Free บอกเลยค่ะว่าเป็นไอเท็มที่ต้องมีมาก ๆ เคล็ดลับฟาร์มผมอยู่ไม่ไกล คุ้มค่าแก่การลงทุนสุด ๆ

ผมร่วงหลังสระผมแบบเต็มกำมือ หยุดแชมพูที่ใช้อยู่ด่วน มาแก้ปัญหาผมร่วงผมบางด้วย แชมพูลดผมร่วง https://www.vichy-th.com/all-products/haircare/dercos/dercos---energising-shampoo จาก Vichy Dercos Energy+ Aminexil Shampoo กันค่า เป็นแชมพูที่แก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุด ด้วยคุณค่าของสาร Aminexil ที่เป็นสารตัวพระเอกเข้าขจัดปัญหาผมขาดหลุดล่วง และตัวนี้ยังฟื้นฟูพร้อมบำรุงหนังศรีษะและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย มีวิตามิน อี ที่ช่วยปลอบประโลมหนังศีรษะที่บอบบางจากคุณสมบัติแอนตี้ออกซิแดนท์ และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องหนังศรีษะแพ้เลยค่ะ อ่อนโยนต่อหนังศรีษะ เพราะว่าเป็นสูตร Paraben Free และ สูตร Silicone Free ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวันเลยนะคะ ตัวเนื้อแชมพูตีฟองง่ายมาก ๆ ใช้แล้วให้ความรู้สึกที่เบาสบาย

9
รวมเครื่องสำอางรองพื้นบางเบา 3 แบรนด์ ปกปิดเนียนกริบ คุมมันทั้งวัน :-*

สาวๆ เวลาแต่งหน้าแล้วหยิบรองพื้นมาใช้ทั้งที อย่าเลือกตัวที่ทำให้หน้าหยา หน้ามันเยิ้มกันนะ เพราะทำให้เสียความมั่นใจกันสุด สภาพอากศบ้านเราร้อนทั้งปีแบบนี้ ต้องเลือกแบบเนื้อบางเบา และช่วยควบคุมความมันได้ดีตลอดวัน ให้เผยผิวสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ ให้งานผิวแบบจึ้งๆกันไปเลย ว่าแต่จะมีตัวไหนบ้างล่ะ ที่ให้ลุคสวย ผิวดี ปกปิดเนียนกริบ วันนี้เรามัดรวมมาให้แล้ว กับ 3 แบรนด์เครื่องสำอางที่มีรองพื้นเนื้อบางเบา ปกปิดแบบดีงามมาบอกต่อ สาวๆใช้แล้วรับรองจะหลงรักทั้งรองพื้น หลงรักทั้งผิวตัวเองอย่างแน่นอน

เริ่มกันที่ตัวแรก กับรองพื้น https://www.loreal-paris.co.th/makeup/face-makeup  จากแบรนด์ L'OREAL PARIS ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เขามีรองพื้นเยอะมาก แต่ที่เป็นตำนานต้องยกให้ รองพื้นฝาแดง หรือ ลอรีอัล ปารีส อินฟอลลิเบิล  รองพื้น ลอรีอัล ปารีส อินฟอลลิเบิล 24H เฟรช แวร์ กับสูตรใหม่ที่ดีกว่าเดิมอีก เป็นรองพื้นที่ยืนหนึ่งเรื่องการปกปิดแต่ยังมีความสบายผิว เหมือนผิวได้หายใจ ไม่หนักหน้า ไม่เหนอะหนะ เพราะเขามาพร้อมกับเทคโนโลยี Oxygen Technology พร้อมทั้งติดทนนาน 24 ชม. ให้สาวๆได้มั่นใจกับการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน และยังมีส่วนผสมของวิตามิน E ที่ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน

คุณสมบัติ
  • รองพื้นมีให้เลือกถึง 8 เฉดสี เหมาะสำหรับสีผิวของสาวเอเชีย
  • สูตรเนื้อเจล Ultra-stretchable บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ
  • ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง ไม่มีการอุดตันผิว ปลอดภัย ไม่แพ้

ตามมาด้วย รองพื้น https://www.lancome.co.th/th_TH/makeup/face/foundation/ ของ Lancôme กับ รองพื้นสูตรใหม่  TEINT IDOLE ULTRA WEAR ​​ ที่ดีกว่าเดิม และเป็นรองพื้นที่เนื้อบางที่สุดของลังโคมด้วย ผสานไฮยาลูรอนิค แอซิด มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมบำรุงผิวด้วยสกินแคร์เซรั่ม 81% รองพื้นพัฒนาจากสูตรเดิมที่ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผิวและทุกดทนสีผิว มีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก เรียกได้ว่าเหมาะกับสาวๆ ทุกคนจริงๆ ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวแบบไหนก็ใช้ได้อย่างมั่นใจ ทั้งผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือผิวที่เป็นสิว ปกปิดได้เนียบกริบ แม้เนื้อจะบางเบาก็ตาม เขาทำถึงมากคุณน้า เรียกได้ว่ายิ่งทาก็ยิ่งเนียน ยิ่งผิวสวยสุดๆ

คุณสมบัติ
  • มี  SPF 35  ปกป้องผิวจากแสงแดด  UVA และ UVB​​ ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควันต่างๆ
  • ผสานไฮยาลูโรนิค แอซิค และเซรั่มบำรุงผิวถึง 81% เช่นมะรุม, วิตามิน E และ prebiotics ​​ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  • เนื้อสัมผัสบางเบา แต่ปกปิดเนียน ติดทนยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ให้ผิวสวยเป๊ะตลอดวันจริงๆ

ปิดจบด้วยรองพื้นเครื่องสำอาง https://www.maybelline.co.th/ ของ  MAYEELLINE NEW YORK นั่นก็คือ เมย์เบลลีน ซุปเปอร์สเตย์ ลูมิ แมท ฟาวเดชั่น เป็นรองพื้นน้องใหม่จากเมย์เบลลีน นิวยอร์ก และเป็นรองพื้นตัวแรกที่เขาทำรองพื้นเนื้อแมตต์ล้อแสง ผิวแมตต์แบบมีมิติ  ช่วยล็อคผิวเนียนยาวนานถึง 30 ชั่วโมงกันเลย เรื่องเนื้อสัมผัสของรองพื้นต้องบอกว่าบางเบาดุจอากาศ สบายผิวเหมือนไม่ได้ทารองพื้นเลย ความปกปิดเรียกได้ไว่าให้ผิวสวยเนีนบกริบได้ไม่แพ้รองพื้น 2 แบรนด์ด้านบน แบบกินกันไม่ลงเลยทีเดียว ยังช่วยกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่เป็นคราบ หน้าสวยเป๊ะตลอดวันจริงๆ

คุณสมบัติ
  • ได้งานผิวสวย เพราะล็อคผิวเนียน ติดทนนานถึง 30 ชั่วโมง
  • รองพื้นที่สามารถปกปิดผิวได้แบบขั้นเทพ พร้อมให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ล้อแสง หน้าดูมีมิติ เป็นธรรมชาติ
  • ด้วยเทคโนโลยี Light-As- Air ทำให้รองพื้นเนื้อสัมผัสบางเบาดุจอากาศ สบายผิว

10
    แนะนำรองพื้นงานผิวลูกคุณหนู จาก 4 แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ ;D

    ใครๆก็ใฝ่ฝันอยากมีผิวสวยใส สุขภาพดี ฟีลแบบลูกคุณหนู เวลาแต่งหน้าได้งานผิวแบบธรรมชาติเหมือนไม่ได้ทารองพื้นกันเลยทีเดียว แต่ถ้าผิวหน้ายังไม่พร้อมจะทำยังไงดี วันนี้เราเลยจะมาบอกต่อรองพื้นที่ใช้แล้วได้ฟีลคนสวย มีผิวสุขภาพดีตั้งแต่เกิด เพราะรองพื้นช่วยปกปิด คุมมันได้ดีสุดๆ  แถมยังติดทนตลอดทั้งวัน ซึ่งเราคัดรองพื้นมาให้ถึง 4 แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำที่เราคุ้นหูกันอยู่แล้ว มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยยันหลักพันเลย นั่นก็คือเครื่องสำอางจาก   L'OREAL PARIS , Yves Saint Lauren, Lancôme และ MAYEELLINE NEW YORK รองพื้นแต่ละแบรนด์จะเป็นแบบไหนกันบ้าง ใช้แล้วจะตอบโจทย์งานผิวได้มากน้อยแค่ไหน ตามมาดูกันเลย


    หากพูดถึงรองพื้นแล้ว ตั้งแต่มือใหม่หัดแต่งหน้า ยันเมคอัพมือโปรต้องรู้จักเครื่องสำอางแบรนด์นี้ นั่นก็คือ  L'OREAL PARIS  ซึ่งรองพื้น https://www.loreal-paris.co.th/makeup/face-makeup  ของลอรีอัล ปารีส เขามีกันเยอะมาก แต่เมื่อพูดถึงรองพื้นงานผิวฟีลลูกคุณหนู เราขอแนะนำ ลอรีอัล ปารีส ทรูแมช ไฮยาลูรอนิค แอซิด ฟาวเดชั่น คร้งแรกของรองพื้นที่ผสมไฮยาลูรอนิค แอซิด ไม่ใช้แค่การปกปิดที่เรียบเนียน แต่สาวๆจะได้ผิวสวยสุขภาพดีทันทีที่ใช้ นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงผิวให้ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์  เพราะให้ผิวนุ่น ชุ่มชื้น เวลาใช้รองพื้นจึงสบายผิวสุดๆ ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวหน้า ทำให้หน้าดูเปล่งปลั่งนั่นเอง นอกจากนั้นเขายังมีจุดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสที่เกลี่ยง่าย บางเบา ไม่เหนอะหนะ ได้ผิวสวยฟีลลูกคุณหนูแบบดีต่อใจสุดๆ นอกจากนั้นรองพื้นของเขายังมี SPF PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยนะ เรียกได้ว่ารองพื้นตัวเดียวเอาอยู่

    วิธีใช้
    • เกลี่ยรองพื้นโดยการใช้แปรง ฟองน้ำ หรือ นิ้วมือ ลงบริเวณหน้าผากออกไปทางด้านข้างให้ทั่ว
    • จากนั้นเกลี่ยที่บริเวณแก้มและจมูกในทิศทางลงเน้นบริเวณปีกจมูก
    • ปิดท้ายด้วยบริเวณคาง ด้วยการเกลี่ยออกทางด้านข้างและลงไปถึงลำคอเพื่อให้สีผิวเท่ากันทั้งหมด

    อีกแบรนด์เครื่องสำอาง https://www.maybelline.co.th/ รองพื้นที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย และรู้จักเป็นอย่างดีอีกแบรนด์ คือ MAYEELLINE NEW YORK เพราะรองพื้นเขาดีมาก ถ้าใช้แล้วงานผิวสวยจึ้ง ฟีลลูกคุณหนู ฟีลผิวสวยเสกได้ต้อง เมย์เบลลีน นิวยอร์ก ฟิตมี แมท พอร์เลส ฟาวเดชั่น รองพื้นขายดีอันดับ 1 ตลอดกาลจาก เมย์เบลลีน นิวยอร์ก เพราะมีให้เลือกถึง 20 เฉดสีกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าใช้ได้ทุกคน ทุกสภาพผิว เป็นรองพื้นที่เด่นเรื่องของคาวมแมตต์ คุมมันได้อย่างดี เนื้อรองพื้นเขาก็บางเบา เกลี่ยง่าย แต่ปกปิดได้ดี ให้ลุคธรรมชาติ งานผิวเน้นๆเลยทีเดียว และเรื่องกันแดดก็ช่วยด้วยเหมือนกัน เพราะมี SPF 22 ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วย ใครที่มองหารองพื้นงานผิว รองพื้นตัวนี้แหละตัวเลือกที่ดีควรตำอย่างด่วน  ใช้แล้วรับรองไม่ผิดหวัง

    วิธีใช้
    • ทารองพื้นลงบนผิวหน้า และเกลี่ยเบาๆ ให้เรียบเนียนโดยใช้นิ้วมือหรือหัวฟองน้ำ แปรง ให้ผิวสวยทันที

    ต่อกันด้วย รองพื้น  https://www.yslbeautyth.com/th_TH/makeup/makeup-complexion/makeup-foundation/ จาก Yves Saint Laurent (YSL) สำหรับใครที่มีงบสำหรับการเลือกซื้อรองพื้นเพิ่มขึ้นมาหน่อย และอยากได้ผิวสวยเป็นธรรมชาติ แต่ยังปกปิดผิวได้ดี ต้องตัวนี้เลย รองพื้นสูตรใหม่ของ YSL  ALL HOURS RENOVATION เพราะปกปิดได้ดีสุดๆ ให้ผิวแมตต์ที่มีความเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวสวยตลอดวัน รองพื้นติดทนนานให้งานผิวสวยยาวๆตลอด 24 ชั่วโมง เนื้อรองพื้นของเขาก็มีความบางเบา สบายผิว ไม่เหนอะหนะ ไม่เยิ้ม เพราะคุณสมบัติของรองพื้นที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิค ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เหมือนการทาสกินแคร์ และช่วยปรับโทนสีผิวให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และเขายังมีรองพื้นให้เลือกใช้ถึง 8 เฉดสี เหมาะสำหรับสาวๆ ทุกโทนผิวกันเลย ใครที่อยากมีผิวสวย ลองหยิบรองพื้นจาก YSL มาใช้กันดูนะสาวๆ

    วิธีใช้
    • เลือกเฉดสีรองพื้นให้เหมาะกับผิว
    • ทารองพื้นที่ใบหน้า และบริเวณที่ต้องการปกปิด แล้วค่อยๆเกลี่ยเบสามือให้ทั่วใบหน้า สามารถใช้ ฟองน้ำ หรือแปรงช่วยเกลี่ยให้เรียบเนียนมากขึ้น

    และตัวสุดท้าย รองพื้น https://www.lancome.co.th/th_TH/makeup/face/foundation/ ของ Lancôme กับ รองพื้น TEINT IDOLE ULTRA WEAR FOUNDATION รองพื้นที่บางเบาสบายผิว เหมือนไม่ได้ทา และยังช่วยปกปิดได้อย่างเรียบเนียน สามารถคุมมันได้ตลอดวัน เพราะเขามาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดทันสมัยที่คิดค้นให้เนื้อรองพื้นมีความบางเบา ใช้แล้วรู้สึกสบายใบหน้าตลอดทั้งวัน เหมือนไม่ได้ทารองพื้น แต่ได้ผิวเนียบกริบ กันเหงื่อ กันน้ำ ไม่มีดรอป ไม่มีหลุดระหว่างวันแน่นอน เพราะรองพื้นเนื้อแบบตาข่ายที่เนียนสนิทแนบไปกับผิว จึงเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้สาวๆใช้รองพื้นแล้วได้ลุคที่สวย มีความบางเบานั่นเอง สำหรับผิวสวยแบบลูกคุณหนู รองพื้นตัวนี้รับจบ เสกผิวสวยได้ทันทีหลังใช้เสร็จ ที่สำคัญมีให้เลือกใช้เยอะมากถึง 12 เฉดสีเลยทีเดียว ผิวแบบไหนก็ใช้รองพื้นลังโคมได้หมดเลย สาวๆต้องประทับใจ

    วิธีใช้
    • แต้มรองพื้นที่ใบหน้า เกลี่ยเบาๆให้รองพื้นเนียบไปทั่วใบหน้า ใช้ก่อนแต่งหน้า
    [/list]

    หน้า: [1]