ผู้เขียน หัวข้อ: การทำงานบนที่สูง ความเสี่ยงที่ต้องมาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด  (อ่าน 190 ครั้ง)

todayismybd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 38
  • รับโปรโมทเว็บ ราคาประหยัด
    • ดูรายละเอียด

การทำงานบนที่สูง (Working at Heights) คือกิจกรรมสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง การบำรุงรักษาอาคาร การติดตั้งระบบไฟฟ้า หรือการทำความสะอาดกระจกภายนอกอาคารสูง ท่ามกลางความจำเป็นทางเศรษฐกิจและวิศวกรรมนี้ ย่อมมีความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดแฝงอยู่ ซึ่งก็คือ ‘การตกจากที่สูง’ นั่นเอง ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ไม่เคยผ่อนปรน ความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีในการทำงานบนพื้นที่สูงตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป มักนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือการบาดเจ็บถาวรที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น หลักการพื้นฐานในการทำงานประเภทนี้จึงมิใช่เพียงแค่การมี “ความปลอดภัย” แต่ต้องเป็น “ความปลอดภัยสูงสุด” ที่ไม่สามารถประนีประนอมได้

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงานบนที่สูงนั้นมีหลายมิติ นอกเหนือจากการตกของตัวบุคคลแล้ว ยังรวมถึง การตกของวัสดุและเครื่องมือ เครื่องมือชิ้นเล็ก ๆ ที่ตกลงมาจากที่สูง เช่น ประแจหรือน็อต สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับผู้ที่อยู่ด้านล่างได้ หากไม่มีการจัดการพื้นที่ด้านล่างที่เหมาะสม สภาพแวดล้อม ลมแรง ฝนตก แสงแดดจัด หรือพื้นผิวที่เปียกลื่น เพิ่มโอกาสในการลื่นไถลและเสียการทรงตัวอย่างมาก ความล้าและความผิดพลาดของมนุษย์ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้พนักงานเกิดความล้าทางจิตใจ ซึ่งนำไปสู่การละเลยขั้นตอนความปลอดภัยโดยไม่ตั้งใจ ความล้มเหลวของอุปกรณ์ อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล (PPE) หรือโครงสร้างชั่วคราว เช่น นั่งร้าน หากมีการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง การชำรุด หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจนำไปสู่การยุบตัวหรือล้มเหลวในการหยุดการตก สามเสาหลักของความปลอดภัยสูงสุด การจัดการความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูงต้องยึดตามลำดับชั้นของการควบคุมความเสี่ยง โดยเน้นที่การป้องกันก่อนการบรรเทาผลกระทบ การป้องกันร่วม นี่คือระดับความปลอดภัยที่สูงที่สุด ซึ่งหมายถึงการติดตั้งระบบป้องกันที่ปกป้องพนักงานทุกคนในพื้นที่ทำงานทันที โดยไม่ต้องอาศัยการกระทำของแต่ละบุคคล อย่างการตรวจสุขภาพทำงานบนที่สูง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ราวกั้นขอบ หรือตาข่ายนิรภัย ที่ขจัดความเสี่ยงการตกจากที่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การป้องกันส่วนบุคคล เมื่อไม่สามารถติดตั้งราวกั้นได้ จึงต้องใช้ระบบป้องกันการตกส่วนบุคคล ซึ่งประกอบด้วยส่วนสำคัญสามส่วนที่ต้องเชื่อมต่อกันอย่างถูกต้องเสมอ  ความปลอดภัยไม่ได้จบลงแค่การใส่อุปกรณ์ แต่ต้องเริ่มต้นด้วย การฝึกอบรมที่เข้มข้น ให้พนักงานสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ ติดตั้งระบบอย่างถูกต้อง และรู้ถึงอันตรายที่มองไม่เห็น ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการมี แผนกู้ภัย ที่ชัดเจนและฝึกซ้อมอยู่เสมอ เนื่องจากหากพนักงานเกิดการตกและถูกห้อยอยู่ในสายรัดเป็นเวลานาน อาจเกิดภาวะ Suspension Trauma ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ความสำเร็จของงานบนที่สูงจึงมิได้วัดจากความรวดเร็วในการทำงาน แต่จากจำนวนวันที่ปราศจากอุบัติเหตุร้ายแรง เพราะชีวิตและความสมบูรณ์ของพนักงานคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ การลงทุนในความปลอดภัยสูงสุดจึงไม่ใช่รายจ่าย แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดขององค์กร