ผู้เขียน หัวข้อ: หมอประจำบ้าน: เหา (Pediculosis capitis/Head louse)  (อ่าน 301 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 512
  • รับโปรโมทเว็บ ราคาประหยัด
    • ดูรายละเอียด
หมอประจำบ้าน: เหา (Pediculosis capitis/Head louse)
« เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2024, 19:22:13 น. »
หมอประจำบ้าน: เหา (Pediculosis capitis/Head louse)

เหา เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนที่ไม่ค่อยรักษาความสะอาด พบมากในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักเรียนหญิงที่ไว้ผมยาวและไม่ค่อยสระผม บางครั้งอาจพบเป็นกันเกือบทั้งชั้นเรียนในโรงเรียนตามชนบท และตามแหล่งชุมชนแออัด

สาเหตุ

เกิดจากตัวเหา (Pediculosis capitis) ติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิด นอนร่วมกัน หรือใช้แปรงผม หวีหรือหมวกร่วมกับผู้ที่เป็นโรคนี้ เหาจะวางไข่ที่โคนผม เมื่อผมยาวขึ้น ไข่เหาจะอยู่ห่างโคนผมออกมาเรื่อย ๆ ไข่เหาจะฟักเป็นตัวใน 3-14 วัน
 
อาการ

มีอาการคันศีรษะมาก และพบตัวเหาและไข่เหาซึ่งเห็นเป็นจุดขาว ๆ ติดอยู่บริเวณโคนผมและเส้นผม ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณเหนือใบหูและที่ท้ายทอย บางรายอาจมีอาการคันมากตอนกลางคืน จนนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ


ภาวะแทรกซ้อน

บางรายอาจเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบแทรกซ้อนกลายเป็นตุ่มฝีหรือพุพอง และมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและตรวจพบตัวเหาหรือไข่เหาที่ติดอยู่บริเวณโคนผมและเส้นผม


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ใช้ยาฆ่าเหา เช่น เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% ชโลมทั่วศีรษะ โพกผ้าทิ้งไว้ประมาณ 12-20 ชั่วโมง วิธีที่สะดวก คือ ใส่ยาตอนเย็น แล้วทิ้งไว้ค้างคืน หลังจากนั้นสระผมให้สะอาด พร้อมทั้งใช้หวีเสนียดสางเอาไข่เหาออกมา

อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ควรทำซ้ำอีกครั้ง เพราะเป็นระยะที่ไข่เหาที่หลงเหลืออยู่ (ซึ่งไม่ถูกฆ่าโดยยาดังกล่าว) จะฟักตัวอีกครั้งหนึ่ง

ทางที่ดีควรทำการกำจัดไข่เหา โดยใช้หวีเสนียดจุ่มน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชู สางผมทุกวัน

2. ถ้ามีตุ่มฝีหรือพุพองเกิดขึ้น ควรให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลินหรืออีริโทรไมซิน นาน 10 วัน


การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเหา ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ใช้ยารักษาหิดเหา - เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% ชโลมทั่วศีรษะ โพกผ้าทิ้งไว้ประมาณ 12-20 ชั่วโมง วิธีที่สะดวก คือ ใส่ยาตอนเย็นแล้วทิ้งไว้ค้างคืน หลังจากนั้นสระผมให้สะอาดพร้อมทั้งใช้หวีเสนียดสางเอาไข่เหาออกมา อีก 1 สัปดาห์ต่อมาควรทำซ้ำอีกครั้งเพราะเป็นระยะที่ไข่เหาที่หลงเหลืออยู่ (ซึ่งไม่ถูกฆ่าโดยยาดังกล่าว) จะฟักตัวอีกครั้งหนึ่ง
    ทำการกำจัดไข่เหา โดยใช้หวีเสนียดจุ่มน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูสางผมทุกวัน


ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลตนเองแล้วไม่ได้ผล
    มีตุ่มฝีหรือแผลพุพองที่ศีรษะ
    หลังใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียง เช่น ผื่นคัน ตุ่มพุพอง หนังตาบวม ตาแดง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

การป้องกัน

    ตัดผมให้สั้น และสระผมบ่อย ๆ
    อย่าคลุกคลีหรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นเหา


ข้อแนะนำ

1. ถ้ามีคนในบ้านหรือในชั้นเรียนเป็นเหาหลายคน ควรรักษาทุกคนพร้อม ๆ กันไป เพื่อป้องกันการติดเหาจากคนข้างเคียงซ้ำอีก

2. ควรแยกนอนต่างหาก และไม่ควรคลุกคลีกับผู้อื่น

3. ควรนำที่นอน และหมอนออกผึ่งแดดทุกวัน

4. โลน (Pediculosis pubis) เป็นแมลงตัวเล็ก ๆ แบบเดียวกับเหา แต่จะอยู่ตามขนในบริเวณหัวหน่าว ติดต่อโดยการร่วมเพศ หรือใช้เครื่องสุขภัณฑ์ในห้องส้วมหรือใช้เสื้อผ้าร่วมกัน พบมากในวัยรุ่น ทำให้มีตุ่มแดงมีรอยบุ๋มตรงกลาง คันมาก และอาจเกาจนกลายเป็นตุ่มหนองพุพอง บางครั้งอาจลุกลามไปที่ต้นขา ลำตัว รักแร้ หนวด ขนตา ขนคิ้ว แต่จะไม่ลามไปที่ผม การรักษาใช้เบนซิลเบนโซเอต ทาทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ควรทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา

5. ทั้งหิดและเหา สามารถใช้สมุนไพรรักษา โดยใช้เมล็ดน้อยหน่า ตำละเอียดผสมกับน้ำมะพร้าวในอัตราส่วน 1 ต่อ 2 ชโลมทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วล้างออก ทำซ้ำทุกสัปดาห์จนกว่าจะหาย แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำยาเข้าตา อาจทำให้เยื่อตาขาวอักเสบได้ หากมีผลข้างเคียงดังกล่าวควรใช้ยาหยอดตาที่เข้าสเตียรอยด์รักษา