ผู้เขียน หัวข้อ: ไวรัสตับอักเสบบี รู้ก่อนเสี่ยง ตาเหลือง ท้องมาน แก้ไขทัน ห่างไกลตับแข็ง  (อ่าน 752 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 510
  • รับโปรโมทเว็บ ราคาประหยัด
    • ดูรายละเอียด
โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีความสำคัญมาก เนื่องจากทำให้เกิดการอักเสบของตับและทำให้ตับถูกทำลาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ จากหลักฐานการศึกษาในปัจจุบันบ่งชี้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย
อยากให้คุณ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าโรคไวรัสตับอักเสบบี ฟื้นฟูได้อย่างไร

คุณรัตนา ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เฮโปรวิท เพื่อฟื้นฟูตับจากอาการไวรัสตับอักเสบบี ค่าตับสูง 293 และค่าบิลิรูบินหรือค่าตัวเหลืองอยู่ที่ 8 เธอเล่าอาการให้ฟังเพิ่มเติมว่า มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยกว่าปกติ และเจ็บปวดบริเวณใต้ชายโครงด้านขวามาก รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจเข้าออก ได้อย่างลำบาก เพราะจะรู้สึกเจ็บปวดมาก อีกทั้งตาเหลืองตัวเหลืองชัดเจน หลังจากใช้เฮโปรวิท รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่อ่อนเพลีย อาการเจ็บใต้ชายโครงขวาลดลงชัดเจน ตาเหลือง ตัวเหลือง หายไป และเมื่อตรวจวัดค่าตับอีกครั้ง ผลออกมาเป็นปกติ โดยลดลงเหลือ 23 และ ค่าตัวเหลืองลดลงเหลือ 0.3  เฮโปรวิท ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการฟื้นฟูตับให้กับคุณรัตนา “


ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (Hepatitis B A C D virus)

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (Hepatitis B A C D virus) เป็นโรคที่ จัดเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง แม้อาการของโรคจะไม่รุนแรง แต่เป็นสาเหตุ ให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับตามมา การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประเทศไทยเองเป็นประเทศที่มีโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีชุกชุมมาก ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้ที่เป็นพาหะ หรือผู้ที่มีเชื้อไวรัสบีอยู่ในกระแส เลือดถึงร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมดหรือประมาณ 9 ล้านคน ขณะที่ ทั่วโลกมีการประมาณการกันว่ามีผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาก กว่า 350 ล้านคน และร้อยละ 75 เป็นคนเอเชียไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของตับและทำให้ตับถูกทำลาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และ มะเร็งตับ ได้ ถึงเวลาที่คุณต้องจัดการไวรัสตับอักเสบบีอย่างจริงจังก่อนที่จะลุกลามสู่ ตับแข็ง และต่อเนื่องเป็น มะเร็งตับ ได้ในที่สุด   มาดูว่าไวสัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง มีอาการอย่างไร และวิธีการแก้โรคไวรัสตับอักสบบี เอ ซี ดี ให้หายทำได้อย่างไร

คำถามที่เชื่อว่าผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี ต้องอยากรู้

    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีเกิดจากสาเหตุอะไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี อาการ
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีแก้ได้อย่างไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ดี ซีแก้หายได้ ด้วยเฮโปรวิท และแดนดิไลออน (Dandelion Root) ได้อย่างไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ดี ซี การฟื้นฟูโรคที่ดีที่สุด ทำไมต้องเป็นเฮโปรวิท แตกต่างกับสารสกัดทั่วไปอย่างไร
    ผลลัพธ์จากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เฮโปวิทเพื่อฟื้นฟูตับ


ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีเกิดจากสาเหตุอะไร
ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี สามารถติดต่อทางเลือด น้ำเชื้อ และน้ำหลั่งอย่างอื่น เช่น น้ำเหลือง โดยสามารถรับเชื้อได้โดยวิธีดังต่อไปนี้

    การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
    การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
    การใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
    การใช้แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
    การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
    การถูกเข็มตำจากการทำงาน
    การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี จะไม่ติดต่อกันทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล)
ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (อาการ)

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี แบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ

    ระยะเฉียบพลัน

    ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ดังนี้

    อาการเริ่มต้น ที่ไม่บ่งชี้ว่าเป็นโรคตับ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ
    อาการที่บ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นโรคตับ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา ง่วมมากในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน

    ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากการที่ตับถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้


2. ระยะเรื้อรัง

    ระยะเรื้อรังแบ่งผู้ป่วยได้เป็น 2 กลุ่มคือ

    พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนั้นก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน
    ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ

    ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหารได้
    การติดเชื้อแบบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด

   
ไววรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (การฟื้นฟู)
ในกรณีที่พบว่ามีเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี การตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูภูมิต้านทานของ ผู้ป่วย ตรวจดูสารมะเร็ง ดูการทำงานของตับ ประกอบกับการตรวจ อัลตราซาวนด์เพื่อดูรูปร่าง และพื้นผิวของตับว่าได้รับความเสียหายมาก น้อยเพียงใด

การฟื้นฟูโรคไวรัสตับอักเสบบี  เอ ซี ดี นั้น เมื่อเริ่มเป็นแบบเฉียบพลัน อาการยังไม่รุนแรง สิ่งที่ผู้ป่วยต้องทำคือ พักผ่อนให้มาก ดูแล สุขภาพให้ดี ไม่นานก็หายเป็นปกติ แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบว่าตัวเองเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ก็ต่อเมื่อเริ่มแสดงอาการผิดปกติ ซึ่งหมายความว่าเข้าสู่ระยะเรื้อรังแล้วนั้นเอง ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นแบบเรื้อรังแล้วนั้น จะต้องรับการตรวจละเอียดมากขึ้นเพื่อให้ทราบถึงการดำเนินของโรค และรายละเอียด ของการรับเชื้อ และขั้นตอนการแก้จะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย บางรายที่มีเชื้อแต่ไม่ปรากฏอาการ ตับไม่ได้รับ ความเสียหาย ก็จะเพียงแต่เฝ้าดูอาการ แต่สำหรับผู้ป่วยไวรัสก่อให้เกิดความเสียหายกับตับแล้วไม่ว่าจะเป็นตับอักเสบ ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องบวม เจ็บชายโครงขวาเพราะตับบวม  จะต้องแก้ไปตามอาการ เพราะในปัจจุบันแพทย์ยังไม่มีการให้ยาแก้ปัญหาตับโดยตรงนั้นเอง


ไวรัสตับอักเสบบี รู้ก่อนเสี่ยง ตาเหลือง ท้องมาน แก้ไขทัน ห่างไกลตับแข็ง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/177